วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ม.ศรีปทุม


21 กุมภาพันธ์ 2556 Bangkok Election – ที่ห้องประชุมบัวหลวง ชั้น 5 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดดีเบตประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. โดยได้เชิญผู้สมัครมาแสดงวิสัยทัศน์ จำนวน 4 คน ได้แก่

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 9
นายโฆสิต สุวินิจจิต หมายเลข 10 สังกัดอิสระ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หมายเลข 11 สังกัดอิสระ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์ขุ



ทั้งนี้ การประชันวิสัยทัศน์ครั้งนี้ นักวิชาการ 4 คน ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาคนเมือง แบ่งเป็นด้านคุณภาพชีวิตคนเมือง และการจัดการมหานครขนาดใหญ่ ด้านการจัดการชุมชนเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน การจราจรและการก่อสร้างสาธารณูปโภค ด้านเศรษฐกิจ แก้ปัญหาคนจนเมือง และด้านการบริหารและธรรมาภิบาล โดยผู้สมัครในรอบแรกจะได้ตอบปัญหาคนละ 5 นาที ส่วนการตอบคำถามในรอบที่ 2 จะเป็นการเปิดให้ผู้สมัครตั้งคำถามกันเอง แล้วตอบคำถามของกันและกันด้วยการจับสลากด้วย



คำถาม แก้ปัญหาภาพลักษณ์เชิงลบของ กทม.อย่างไร กรุงเทพฯ เมืองบาป และเมืองเซ็กซ์ ในฐานะว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.

นายโฆสิต กล่าวว่า "เราต้องใช้สื่อในการแก้ภาพลักษณ์เชิงลบของ กทม. เราต้องยอมรับเสียงวิจารณ์ทั้งหมดก่อน แล้วต้องหาแนวทางแก้ปัญหานี้ ผู้ว่าฯ กทม.ต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับต่างชาติรู้ให้ได้ เราต้องพยายามชูจุดเด่นของ กทม. เรื่องการท่องเที่ยว เพราะ กทม.เป็นเมืองท่องเที่ยว ผมจะส่งออกความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย สู่สากล ปัญหา กทม.คือต้องบริหารจัดการที่ดี ผมต้องเอาส่วนดีของ กทม.ให้คนทั่วโลกรู้ให้ได้ ทั้งเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม โดยใช้สื่อสารมวลชนเป็นตัวนำ ไม่มีสื่อใดที่ดีที่สุด การบันเทิง ที่ต้องสร้างเป็นรูปแบบภาพยนตร์ ละคร เพลง ออกไปช่วยแก้ภาพลักษณ์ กทม."

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ขอเสนอวิธีแก้ไขให้คน กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องมีความสงบเรียบร้อย ปลอดอาชญากรรม การจราจรต้องดี น้ำไม่ท่วม กรุงเทพฯ ต้องเป็นเมืองสีเขียว ประชาชนต้องมีการศึกษา มีอาชีพ มีความพร้อมประกอบอาชีพ ต้องมีโรงพยาบาลพร้อมรักษาสุขภาพ และสุดท้ายคือต้องดูแลผู้สูงอายุ ผู้บริหาร กทม.ต้องมุ่งมั่น เด็ดขาดที่จะบริหารงาน ผู้ว่าฯ กทม.ต้องกล้าตัดสินใจ ซึ่งผมน่าจะดำเนินการได้ดี เพราะทำมาทั้งชีวิต ทำให้ กทม.น่าอยู่ ประชาชนรู้สึกปลอดภัย ชาวต่างชาติจะต้องอยากมาเที่ยว กทม."

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "เรื่องความปลอดภัย ยกตัวอย่าง กรุงลอนดอน เมื่อ 10 ปีก่อน เป็นเมืองที่อันตราย แต่ 10 ปีหลังมานี้ กลับหน้ามือเป็นหลังมือ ในส่วน กทม.มีภาพลักษณ์น่าเป็นห่วงอย่างเดียว คือ เรื่องอบายมุข สังเกตว่า อบายมุขอยู่ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มชายเดี่ยว แต่ถ้ามาท่องเที่ยวแบบครอบครัวไม่มีปัญหา แล้ว กทม.ได้รับเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก คำถามคือไม่ใช่ถามว่าจะเปลี่ยนอย่างไร เพราะมันเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่ต้องหาวิธีทำอย่างไรให้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วขึ้น ต้องหาแหล่งท่องเที่ยวใน กทม. ใหม่ๆ เพื่อนำมาชูเป็นภาพลักษณ์ กทม. แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนภาพลักษณ์ กทม.จริงๆ คือต้องทำตามกฎหมาย โอนอำนาจท้องถิ่นใน กทม. มีอำนาจบริหารจัดการมากขึ้น อย่างถ้าตำรวจอยู่สังกัด กทม. ก็สามารถติดตามจับกุมคนทำผิดได้"



คำถาม ในฐานะผู้ว่าฯ กทม. มีวิธีแก้ปัญหาคนจนในเมืองอย่างไร

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ปัญหาดังกล่าวมาจากผู้บริหาร กทม.แต่ดั้งเดิม ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายในการปล่อยให้มีการอพยพเข้า กทม.มาเป็นชุมชนเเออัด ถ้าเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนต้องมีทะเบียนบ้านใน กทม. คนไม่มีก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นั่นคือการป้องกันปัญหาชุมชนแออัด ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องช่วยหาช่องทางให้ประชาชนมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้ ทั้งนี้ สนับสนุนให้มีการพัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ กทม. ประการต่อมาผมจะทำสวนสาธารณะทั่วทั้ง กทม. และทำที่จอดรถในสวนสาธารณะ และศูนย์อาหารด้วย เพื่อให้ กทม.มีความสวยงาม"

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "สิ่งที่เราทำตลอดคือ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ทุกระดับมีรายได้ 4 ปี ที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. รายได้จากการท่องเที่ยวก็เพิ่มมากขึ้นตลอด จาก 3 แสนล้าน เป็น 5 แสนล้าน ทั้งที่ กทม.มีวิกฤติในหลายเรื่อง ทั้งยังจะเปิดสอนภาษาอังกฤษและภาษามลายู เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น และยังมีโครงการลดค่าใช้จ่าย คือมีโครงการเรียนฟรี และมีอาหารเช้ากับนักเรียนสังกัด กทม.ฟรี ตรวจสุขภาพ ผมยังเสนอตรวจมะเร็งปากมดลูกฟรี เรื่องเงินหมุนเวียน 4 ปีที่ผ่านมา มีการกำหนดเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีมาก สนับสนุนให้ถ่ายโอนหนี้ดอกเบี้ยสูง มาที่หนี้ดอกเบี้ยต่ำ ลดดอกเบี้ยจาก 50 เหลือ 25 เท่านั้น ซึ่งถูกมาก โดยทั้งหมดที่ได้ทำมาและจะได้ทำต่อไป"

นายโฆสิต กล่าวว่า "เรื่องที่ทำให้ผมตัดสินใจมาสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพราะเรื่องนี้ คือช่วยประชาชนให้มีรายได้มากขึ้น คนเราไม่มีใครอยากทำผิด แต่ที่ทำเพราะมีความจำเป็นจนต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ถ้าผมเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมหารายได้เติมให้ประชาชน และเติมให้กับ กทม.ได้แน่นอน สมกับที่ผมมีนโยบาย กทม. 24 ชม. ที่จะสามารถส่งเสริมให้ประชาชนคน กทม. สามารถทำมาหากินได้ตลอด 24 ชม. ถ้าต้องการ รวมทั้งจะดูแลสุขภาพให้มีสุขภาพดีขึ้นให้ได้ จะต้องหางานให้คน กทม.ทำเพื่อมีรายได้ จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะการทำธุรกิจ สร้างตลาด 24 ชม.ทุกเขต กระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว รวมไปถึงการท่องเที่ยวเชิงศาสนา เพราะตอนนี้ กทม. ก็มีรายได้จากเทพเจ้าต่างๆ มากอยู่แล้ว ที่มีชาวต่างประเทศตั้งใจเข้ามาสักการะบูชา"



คำถาม คิดว่าปัญหาเร่งด่วนที่คน กทม. คิดว่าต้องแก้ไขเป็นอันดับแรก และใช้เวลานานเท่าใด

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "ปัญหาแรกคือ ปัญหาความปลอดภัย รวมถึงปัญหายาเสพติดด้วย ต่อมาคือปัญหาการจราจร ทั้งนี้ ได้ทำงานแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มาตลอด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาก็ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่ว กทม.อยู่แล้ว ซึ่งเราก็จะเพิ่มกล้องวงจรปิดต่อไปด้วย"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ยังเชื่อมั่นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใน 1 ปี 4 ปี ต้องเรียบร้อย ทั้งเรื่องการจราจร การสร้างที่จอดรถในทุกสวนสาธารณะทั่ว กทม. การส่งเสริมหารายได้ให้กับประชาชนคน กทม. และการปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคน กทม."



คำถาม เรื่องนโยบาย ระบบการบริหารราชการ กทม. ที่ไม่มีการจัดการปัญหาร่วมกัน กทม.บริหารด้วยกฎหมายที่ล้าสมัย ปี 2528 เห็นด้วยแก้ไข พ.ร.บ.กทม.อย่างไร แล้วถ้าไม่เห็นด้วย คิดอย่างไร

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "ผมไม่เพียงเห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.ปี 2528 เท่านั้น แต่ได้ส่งต่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ไปที่กระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น เห็นด้วยในการกระจายอำนาจ แต่การที่ผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งต้องกระจายอำนาจในพื้นที่ กทม.แล้ว ยังต้องโอนหน่วยงานที่สำคัญมาอยู่ในสังกัด กทม.ควบคู่กันไปด้วย ถ้ายังไม่มีการโอนหน่วยงานที่จำเป็นมาให้ กทม. ผู้ว่าฯ กทม.ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

จุดยืนเรื่องการรื้อชุมชนแออัด สนับสนุนให้มีการเจรจาหารือกันเพื่อหาทางออกร่วมกันมากที่สุด ซึ่งมีตัวอย่างที่ดีคือ หมู่บ้านมั่นคง โดยเฉพาะชุมชนที่บางบัว ที่มีการตกลงกัน ร่วมมือร่วมใจกัน ออกมาจากพื้นที่ด้วยความยินยอม เพื่อประโยชน์ในการระบายน้ำของ กทม."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น