วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

คนกรุงเตรียมตัว! ฝนจ่อถล่มกทม. ช่วง26ก.ย.-2ต.ค. มากกว่าวานนี้10เท่า !!


ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงร่องมรสุมกำลังปกคลุมประเทศไทย
26 ก.ย. 2555 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง3 สรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรชื่อดังหลังรายงานสภาพฝนตกน้ำท่วมหนักในถนนหลายสายในกทม.วานนี้แล้ว ได้มีการเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียม MTZ2ของญี่ปุ่นที่ถ่ายภาพไว้เมื่อวานนี้(25ก.ย.55) แสดงให้เห็นว่ามีร่องมรสุมกำลังแรงปกคลุมประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง และระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึงวันที่2ตุลาคม2555 จะมีฝนตกหนักในกทม.มากกว่าวานนี้ถึง10เท่า (ย้ำ10เท่า)





ขณะที่เมื่อเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 8  "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย" ลงวันที่ 26 กันยายน 2555 โดยระบุว่าร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ที่มีน้ำท่วมบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 26-30 กันยายน 2555
        

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ลือหึ่ง! สามี "ปลัด กทม. คนใหม่" เป็นอดีต สก.พรรคประชาธิปัตย์



นินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพ มหานคร ก้าวขึ้นนั่งปลัดกทม.คนใหม่ ชนิดพลิกโผ

ก่อนหน้านี้มีชื่อ จุมพล สำเภาพล รองปลัดกทม. เป็นตัวเต็งมาตลอด

แต่ด้วยความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองที่ครองเสียงในกทม. ประกอบกับเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จึงเซ็นแต่งตั้งขึ้นเป็นปลัดกทม.

แทน เจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ที่จะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย.นี้

นับเป็นปลัดกทม.หญิงคนที่ 3 ต่อจากคุณหญิงนันทกา สุประภาตะนันท์ (1 ก.ย.2516-30 ก.ย.2521) และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน (1 ต.ค.2545-30 ก.ย.2549)

ชาวกทม.โดยกำเนิด เกิดเมื่อ 1 พ.ย. 2496 


ปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 2) สาขาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท สาขาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวปอ.2549 

รับราชการครั้งแรกที่กระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนระดับ 3 

จากนั้นโอนมารับราชการที่กทม. ในกองปกครองและทะเบียน ดำรงตำแหน่งผอ.กองกลาง สำนักปลัดกทม. และผอ.สำนักงานเขตจอมทอง เขตดุสิต 

ขึ้นเป็นผู้ช่วยปลัดกทม. เป็นผอ.สถาบันพัฒนาข้าราชการกทม. ผู้ตรวจราชการกทม. ผอ.สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ผอ.สำนักงบประมาณ 

เลื่อนเป็นรองปลัดกทม. ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา

ใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสามี สุพัฒน์ ชลิตานนท์ เป็นอดีตส.ก.เขตดุสิต พรรคประชาธิปัตย์

ถูกวางตัวให้ช่วยผลักดันงานของกทม. เพื่อรองรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในช่วงต้นปีหน้า

หลัง"คุณชายหมู"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ประกาศตัวรักษาเก้าอี้ต่ออีกสมัย

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" แปรโอกาสเป็นวิกฤต

สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.



ลองเข้าในเว็บไซต์ที่ให้ตั้งกระทู้เรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้าน เกลื่อนด้วย "ฮาไปสั่นหัวไป" ว่าด้วย "ตลาดน้ำแห่งใหม่ใหญ่ยักษ์" ของ "กรุงเทพมหานคร"

ใช้ชื่อว่า "ตลาดน้ำสยามสแคว์"

เปล่า! ไม่ใช่ตลาดที่มีใครไปสร้างขึ้นใหม่ แต่เป็น "ศูนย์การค้าสยามสแคว์" ในคืนที่น้ำท่วมแทบเต็มพื้นที่ ร้านรวงที่แต่งไว้หรูหรากลายเป็นร้านที่ลอยอยู่ในน้ำ 

เกิดการประชดอย่างมีอารมณ์ขันว่าเป็น "ตลาดน้ำสยามสแคว์"

ยิ้มทั้งน้ำตา อะไรทำนองนั้น

จะไม่ให้ขื่นในอารมณ์ได้อย่างไร เพราะหลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ระดับวิกฤตชาติในปีที่แล้ว 

ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายต่างออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ปีนี้จะไม่มีน้ำท่วมอีก เพราะบทเรียนจากปีที่ผ่านมาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเตรียมการรับมือ

ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว เป็นวิกฤตที่โอกาสผุดโผล่ขึ้นมาให้ใช้ประโยชน์ได้มากมาย

แม้แต่คนที่ไม่เคยใส่ใจความรู้เรื่องน้ำในแผ่นดินลุ่มต่ำอย่างประเทศเรา ยังได้รับการอธิบายจนเข้าใจเส้นทางน้ำ และหนทางระบายที่โบร่ำโบราณเตรียมไว้ให้ 

รับรู้ถึงความเสียหายจากการเกิดขึ้นของเมืองใหม่ที่ปิดขวางทางน้ำ

เรียนรู้ถึงอุปกรณ์ที่เตรียมการไว้รองรับ และปัญหาที่ใช้งานไม่ได้ 

รวมถึงการเตรียมความคิดที่จะรับมือ

ทุกคนทุกฝ่ายมั่นใจว่า ต่อให้น้ำหลากมากกว่าปีที่แล้ว กรุงเทพฯจะรับมือได้ เพราะความพร้อมและความรู้ที่มีมากกว่าเดิมหลายเท่า

ยิ่งในความเป็นจริง ทุกผลการสำรวจทางสถิติ น้ำปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วหลายเท่า

ยิ่งมองไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาคณามือ

จะไม่ขื่นได้อย่างไร เมื่อมั่นใจในความพร้อมขนาดนั้น อีกทั้งสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่น 

แต่แล้วในความเป็นจริง ฝนตกมาทุกแฉ่ เกิดน้ำท่วมฉับพลับในหลายถนน เหมือนบ้านนี้เมืองนี้ไร้ประสิทธิภาพสิ้นเชิงในเรื่องการระบายน้ำ

ความเชื่อมั่นที่มีอยู่หดหาย มองเห็นแต่ความไร้สามารถของกลไก

ผู้บริหาร กทม.พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดจาก "ฝนตกหนัก" มีปริมาณน้ำมากเกินกว่าท่อระบายน้ำจะรับมือ

เหี่ยว จึงคืออารมณ์ของผู้คนที่ได้รับฟัง เพราะคนละเรื่องเดียวกันกับการรับรู้

ยิ่งฟังยิ่งสิ้นศรัทธา

อุโมงค์ยักษ์ที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณหลายหมื่นล้าน อันเคยอวดโชว์ว่าจะเป็นช่องส่งน้ำลงทะเลได้มหาศาล ใช้การไม่ได้เพราะไม่มีช่องให้น้ำลงอุโมงค์

เป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากการขาดการจัดการ

น้ำน้อยกว่า ความรู้มากกว่า บอกเล่าถึงการเตรียมการอุปกรณ์อย่างคึกคัก

แต่ความจริงคือ "ดีแต่พูด" 

เป็นความพร้อมที่ยังไม่ได้ลงมือทำ

ไร้ประโยชน์

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน ประกาศแล้วว่าจะลงอีกเที่ยวในสมัยหน้า

ไม่มีคำตอบที่สร้างความมั่นใจว่ากลไกที่ควรจะเป็นของ กทม.น่าจะเป็นอย่างไร จะล้างยกบางกันครั้งใหญ่หรือไม่ สำหรับข้าราชการที่ไม่ทำงานที่ควรทำ

ความรู้พร้อม อุปกรณ์พร้อม งบประมาณเหลือเฟือ

ขาดแต่ความเอาใจใส่ของคนที่ต้องรับผิดชอบ

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" คงกล้าที่จะลุกขึ้นยืนอย่างองอาจประกาศว่าขอรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนจากน้ำท่วมของคน กทม.

แต่การประกาศที่ไม่ได้ลงมือทำ เพราะไม่เคยคิดที่จะใส่ใจอย่างจริงจัง

มีประโยชน์อะไร

หม่อมอ้างเงินน้ำท่วมไม่มี! แต่ไปจ้างดาราผลาญเงินแถลงข่าว "ฟุตซอลโลก"



ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะประธาน ร่วมกับ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ บิ๊กเปี๊ยกองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จัดพิธีเปิดโครงการ เส้นทางสู่การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ.2555ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน
      
       โดยก่อนงานแถลงข่าว มีการตั้งขบวนแห่คาร์นิวัลเปิดโครงการนำขบวนโดยดารานักแสดงชื่อดัง อาทิ เวียร์ศุกลวัฒน์, “เนยโชติกา และ แตงโมพงษ์พิสุทธิ์ พร้อมด้วยพาเหรดนักกีฬาฟุตซอลเยาวชนกว่า 300 คน เคลื่อนขบวนมาที่บริเวณหน้างานก่อนจะเข้าสู่พิธีการ เพื่อประชาสัมพันธ์ และสร้างความตื่นตัวให้ชาวไทย และชาวต่างชาติได้รับรู้การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตซอลโลก 2012
      
       โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้รับการคัดเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ให้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012ระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายน ทาง กทม.จึงได้จัดโครงการ เส้นทางสู่การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก พ.ศ.2555เพื่อประชาสัมพันธ์ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก และสร้างกระแสให้ประชาชนทุกคนมีความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพ รวมถึงสนับสนุน และส่งเสริมให้เยาวชนสนใจกีฬาฟุตซอลไปพร้อมกับการประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ มากยิ่งขึ้น
      
       อย่างไรก็ตาม กทม.จะเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อให้พร้อมกับการเป็นเจ้าภาพ โดยเฉพาะการดำเนินการสร้าง บางกอก ฟุตซอล อารีน่าสนามแข่งขันหลักให้ทันพร้อมใช้งาน รวมทั้งจะเริ่มการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบ
       
       ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทาง กทม.ยังมีกิจกรรมกระตุ้นกระแสฟุตซอลในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยจัดการแข่งขันฟุตซอลจากโรงเรียน 50 เขตใน กทม.บีเอ็มเอฟุตซอลโดยกำหนดจัดการแข่งขันสนามแรก ที่สนามวชิรเบญจทัศ หรือ สวนรถไฟ ระหว่างวันที่ 25-26 กันยายน และสนามที่สอง ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน นอกจากนี้ กทม.ยังดำเนินการปรับปรุงสนามฟุตซอล 58 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสเล่นกีฬาให้มากที่สุด จนต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพในอนาคต รวมถึงจะมีการจัดการแข่งขันฟุตซอล ออลสตาร์ ฟุตซอล เฟสติวัลโดยเชิญทีมฟุตซอล 4 ทีม จาก 24 ชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตซอลโลกมาฟาดแข้งกับทัพฟุตซอลทีมชาติไทย เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องอีกด้วย
      
       ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับเรื่องสนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น ผมเห็นว่า ไม่เห็นมีอะไรที่จะเป็นอุปสรรคในการเร่งสร้างสนามแข่งขัน เพื่อเป็นพิธีเปิดและปิดการแข่งขันได้ ผมมั่นใจว่าเสร็จทันแน่นอน

รองผู้ว่าฯ "ธีระชน" ยืนยันซ้ำ "กรุงเทพจพร้อมรับน้ำฝน"



นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการระบายน้ำในพื้นที่กทม.ว่า เรื่องฝนทางกทม.ยืนยันว่าพร้อมที่จะรองรับ โดยน้ำในคลองลาดพร้าวมีระดับน้ำที่สูง เพราะทางกทม.ต้องดูแลพื้นที่ด้านบนอย่างจังหวัดปทุมธานี ลำลูกกา ซึ่งไม่อยากให้เห็นภาพว่า กทม.ทะเลาะกับจังหวัดเพื่อนบ้าน ในการรับน้ำจากตอนบนอาจทำให้น้ำในคลองลาดพร้าวสูงขึ้นบ้าง และในเวลาที่ฝนตกลงมานั้นก็จะทำให้มีการระบายน้ำได้ช้า กทม.มองว่าในการระบายน้ำถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำหนดให้เป็นนโยบาย ที่ท่อระบายน้ำที่มีขนาดเล็ก ที่ทำไว้ในอดีตระบายน้ำได้ 60 มิลลิเมตร จะปรับให้เป็น 100 มิลลิเมตร แต่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องความสำคัญต้องดำเนินการ แต่ต้องดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งทางกทม.ตั้งใจที่จะทำ ไม่อยากให้มองทุกอย่างเป็นการเมือง 

"พร้อมพงศ์" ฟ้องประชาชน "กทม.ไม่คืนเงิน 753 ล้าน"



"พร้อมพงศ์"จี้ผู้ว่ากทม.แจงงบแก้น้ำท่วมด่วน แถมอัดทำงานไร้ประสิทธิภาพเอง แต่กลับโยนบาปให้รบ. 
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาระบุว่าได้ให้งบประมาณกทม. 1.9 พันบาท และมีเงินเหลือจ่ายที่ยังไม่ได้ส่งคืน753 ล้านบาท อีกทั้งยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียด ว่า แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ว่าฯกทม. และทีมบริหารของกทม.ว่าที่ผ่านมามีชาวบ้านในเขตดอนเมือง สายไหม และคลองสามวา ออกมาประท้วงเรื่องเงินเยียวยานั้น แล้วกทม.ได้อ้างว่าเงินไม่พอ หรือกำลังขอจากรัฐบาลอยู่นั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่าน่าจะทำงานไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยให้มีม็อบออกมาประท้วงแล้วโยนบาปให้รัฐบาล 
" ผมอยากให้กทม.ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน อย่ามองว่าทุกเป็นเรื่องการเมือง นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์กลับออกมาปกป้องกลับแทนที่จะช่วยกันตรวจสอบ และอ้างว่าคนในรัฐบาลและคนในพรรคเพื่อไทยจ้องจะดิสเครดิสผู้ว่าฯกทม. ผมอยากให้มองความจริงบ้าง จะได้มาช่วยกันมาแก้ไขปัญหา วันนี้อยากถามว่าใครกันแน่ที่เล่นการเมือง และไม่มองถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่สำคัญกรณีที่นายรอยล ออกมาระบุว่ากรณีที่ฝนตกต่อเนื่องถึง 3 - 4 วันแล้วบ้างพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เกิดจากทรายอุดท่อ สะท้อนว่ากทม.ได้นำงบขุกลอกท่อและระบายน้ำจำนวนมากไปจากรัฐบาล แต่เอาไปใช้น่าจะไร้ประสิทธิภาพ ตรงนี้ถือว่าเป็นการประจานการทำงานของผู้ว่าฯกทม. ที่เอาแต่โทษฟ้าโทมษฝน ทั้งที่ควรจะลงไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเองบ้าง เพื่อที่จะได้แก้ปัยหาได้อย่างรวดร็ว ไม่ใใช่คิดว่ากทม.เป็นเหมือนรัฐอิสระ จึงไม่ยอมมาแก้ปัญหากับรัฐบาล เพราะความเดือดร้อนจะตกอยู่กับคนกทม.ทั้งที่กทม.เป็นเมืองหลวงของประเทศ เป็นหน้าตาของประเทศ และเป็นศูนย์ " นายพร้อมพงศ์

รองผู้ว่าฯ กทม. โบ้ย "ท่อระบายน้ำเล็ก ควรทุบเปลี่ยนใหม่"



นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ระบบการระบายน้ำของ กทม.มีความพร้อมที่จะรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา แต่ปริมาณน้ำในคลองลาดพร้าวที่มีระดับสูงนั้น เนื่องจากกทม.ต้องดูแลพื้นที่ด้านบนอย่างจังหวัดปทุมธานี ลำลูกกา โดยการรับน้ำจากตอนบนอาจทำให้น้ำในคลองลาดพร้าวสูงขึ้นบ้าง และในเวลาที่ฝนตกลงมานั้นก็จะทำให้มีการระบายน้ำได้ช้า
อย่างไรก็ตาม กทม.มองว่าในการระบายน้ำถึงเวลาแล้วที่จะต้องกำหนดให้เป็นนโยบาย โดยท่อระบายน้ำที่มีขนาดเล็ก ที่ทำไว้ในอดีตระบายน้ำได้ 60 มิลลิเมตร จะปรับให้เป็น 100 มิลลิเมตร แต่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องความสำคัญต้องดำเนินการ แต่ต้องดูว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งทางกทม.ตั้งใจที่จะทำ ไม่อยากให้มองทุกอย่างเป็นการเมือง

เครื่องร้อน "เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม." เพื่อไทยฝ่ายรุกหนัก

ภาพถ่ายจากเครื่องเรดาทำนายอากาศ ซึ่งปัจจุบันยังหาไม่เจอว่า "เครื่องนี้อยู่ที่ไหน และใช้จริงได้หรือไม่"

นอกจากปัญหา “ฝนตกน้ำท่วม” ที่ทำให้การจราจรในกทม.เป็นอัมพาตกันทุกวี่วันแล้ว ปัญหา “เงินเยียวยา” ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา “รถติด”
   
ล่าสุดก็กรณีชาวบ้านย่านดอนเมืองนั่นไง
   
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพฯพรรคเพื่อไทยซึ่งขณะนี้ศาลฎีกาให้ “หยุด” ปฏิบัติหน้าที่ ชี้แจงหลังถูกระบุว่าเป็นผู้พาชาวบ้านมาปิดถนนทวงเงินเยียวยาไว้ว่า ที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพราะได้รับการประสานจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ใช่นำประชาชนไปกดดันอย่างที่เข้าใจกัน
   
กรณี “เงินเยียวยา” ที่ว่านี้ กำลังจะกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง
   
แต่ลำพังแค่ “เรื่องบางเรื่อง” นั้นยังไม่เพียงพอ นอกจากสารพัดโครงการที่เหล่าบรรดาพรรคเพื่อไทย ขุดขึ้นมาตั้งคำถามกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ล่าสุดพรรคเพื่อไทยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก 3 เรื่อง ประกอบด้วย
   
1. การจัดการระบายน้ำผ่านอุโมงค์ยักษ์ พระราม 9
   
2. เครื่องเรดาร์ทำนายอากาศของ กทม.ที่มีมูลค่าการซื้อกว่า 100 ล้านบาท สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯกทม. 

และ 3.กรณีเงินงบประมาณที่นำไปใช้ในการลอกท่อคูคลองต่าง ๆ
   
ยังไม่นับก่อนหน้านี้ที่มีทั้งต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส 30 ปี การจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของกทม.
   
ทางหนึ่งก็มองว่า หากทำอย่างตรงไปตรงมาก็น่าจะทำให้สังคมของคนเมืองหลวงได้ประโยชน์ แต่อีกทางก็ปฏิเสธได้ยากว่าเป็นความพยายามรุกคืบทางการเมืองเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เกิดขึ้น
   
ขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยื่นไมตรีและแสวงหาความร่วมมือกับผู้ว่าฯกทม.อย่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่อีกทางส.ส.กรุงเทพฯพรรคเพื่อไทย ก็กำลัง “ชวนทะเลาะ” ทางการเมือง
   
ในกรณีของ “เงินเยียวยา” ที่เดิมเข้าใจกันว่า กทม.โอ้เอ้ล่าช้า
   
ได้ยินโฆษกกระทรวงมหาดไทยฝ่ายการเมือง พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ชี้แจงว่า งบประมาณเพิ่มเติมที่กรุงเทพมหานครขออนุมัติ 1,142 ล้านบาทนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ส่งเรื่องต่อไปยังกระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้วพร้อมกับงบประมาณเยียวยา 5 จังหวัด ที่มีการยื่นขอเยียวยาเพิ่มเติมรอบ 2
   
“กทม.อย่าโยนความผิดมาที่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว เพราะกว่ากทม.จะเริ่มต้นสำรวจ ขยายเวลาการสำรวจ และรวบรวมรายชื่อแล้วเสร็จ ก็ใช้เวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทางราชการ จึงไม่ยุติธรรมหากจะกล่าวหาว่า รัฐบาลถ่วงเวลาเพื่อให้เกิดการประท้วงของพี่น้องชาวดอนเมืองและอยากให้กลับไปมองดูขั้นตอนของทางกทม.เองเช่นกันว่าล่าช้าหรือไม่”
   
ในท่ามกลางคำถามเกี่ยวกับการใช้งบประมาณแก้น้ำท่วมวงเงิน 1.2 แสนล้านบาทของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้เป็น “ข้อมูล” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย ในกทม.ซึ่งทำหน้าที่ “ฝ่ายค้าน” ก็พยายามขุดคุ้ยและตั้งคำถามในลักษณะที่ไม่ต่างกัน
   
กรณีอารมณ์หงุดหงิดที่คนกรุงมีต่อปัญหา “รถติด” รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มอบงานให้ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ รมช.คมนาคม ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรคเพื่อไทย ลงไปจัดการดูแล
   
ใน “สนามใหญ่” รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจจะอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ” แต่สำหรับ “สนามเมืองหลวง” ในชั่วโมงนี้พรรคเพื่อไทยดูจะเอาแต่ “รุก” อยู่ข้างเดียว.
 

สส.เพื่อไทย บุก ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ตามทวงเงินเยียวยา


ที่รัฐสภา ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย 12 คนทั้งจากระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีทีในฐานะประธานโซน กทม.ฝั่งตะวันออก นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลง โดยนายวิชาญ กล่าวว่า ส.ส.และสมาชิกสภากรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยได้รับร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ กทม.เมื่อปี 2554 แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจำนวนมาก ทั้งที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้แก่ กทม.ครบถ้วนตามที่ร้องขอ ครั้งที่ 1 จำนวน 50 ล้านบาทเพื่อจ่ายกรณีเงินชดเชย 5,000 บาทต่อครัวเรือน ครั้งที่ 2 จำนวน 1,961 ล้านบานเพื่อจ่ายกรณีเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง แต่เหตุใดถึงไม่นำไปจ่ายให้กับประชาชน ที่สำคัญขณะนี้เกิดปัญหาการระบายน้ำล่าช้า ส่งผลให้มีน้ำท่วมขัง การจราจรติดขัดสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน จึงมีคำถามว่าที่งบประมาณที่ กทม.ได้รับการจัดสรรไปนั้นได้ดำเนินการลอกท่อและคูคลองอย่างไรบ้าง ซึ่งวันที่ 20 ก.ย.เวลา 13.30 น.ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย จะเดินทางเข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ที่ศาลาว่าการ กทม.เพื่อสอบถามในประเด็นเหล่านี้

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีเกิดน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตามแนวถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งเป็นเส้นทางระบายน้ำสู่อุโมงค์ยักษ์ พระราม 9  เมื่อวันที่ 18 ก.ย. แสดงให้เห็นแล้ว่าอุโมงค์ยักษ์ทำงานไม่ได้ตามที่คาดหวัง ดังนั้นผู้ว่าฯ กทม.ต้องรับผิดชอบและขอว่าอย่าโบ้ยความผิดมาที่รัฐบาล  นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าเรดาร์ตรวจสอบสภาพอากาศ ของ กทม.ที่ใช้งบจัดซื้อถึง 100 ล้านบาท สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม.นั้นยังใช้การได้หรือไม่ ปัจจุบันเรดาร์ถูกติดตั้งอยู่ที่ไหน สัปดาห์หน้าพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปตรวจสอบ

นายการุณ โหสกุล กล่าวว่า ตามที่มีสื่อหลายฉบับเสนอข่าวว่าตนเองเป็นผู้นำม็อบชาวดอนเมืองออกมาประท้วงเรียกร้องการจ่ายเงินเยียวยา ขอชี้แจงว่า ตนเองได้รับการประสานจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ให้มาช่วยไกล่เกลี่ยแก้ไขสถานการณ์ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวดอนเมืองเป็นอย่างดี แต่ข่าวถูกบิดเบือน
 

"เพื่อไทย" คาดได้ผู้สมัคร "ผู้ว่าฯ กทม." ตุลาคมนี้




น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีและการสื่อสาร แถลงถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า พรรคเพื่อไทยจะมีความชัดเจนเรื่องบุคคลที่จะเป็นตัวแทนของพรรคไม่เกินกลางเดือนต.ค. โดยพรรคจะมีแนวทางการคัดเลือกตัวผู้สมัครตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยพรรคจะกำหนดนโยบายที่เป็นความต้องการของประชาชนในแต่ละโซนจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการใน  3  โซนของ กทม.ว่าประชาชนมีความเดือดร้อนและมีความต้องการให้แก้ไขปัญหาอย่างไร  โดยสัปดาห์นี้จะเริ่มการสัมมนาของโซน 1 และสัปดาห์หน้าจะประชุมโซน 2,3 ตามลำดับ เมื่อได้ความต้องการของประชาชนรวมถึงทราบปัญหาในพื้นที่ พรรคจะมากำหนดนโยบายภาพรวมและกำหนดทีมงานผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย โดยใช้ประชาชนเป็นฐานของพีรามิดหัวกลับ

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาที่ กทม.มีการขุดลอกคูคลองในพื้นที่ 6.5 พันเมตร แต่ทางกทม.ได้ใช้งบประมาณในการขุดลอกเพียง 3 พันเมตร ส่วนที่เหลืออ้างว่าอยู่ในพื้นที่ของเอกชนไม่สามารถทำได้ ดังนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการขุดลอกแทน โดยกทม.ได้ขุดลอกในถนนสายหลักและสายรอง แต่ปรากฏว่าฝนตกในช่วง 2 วันที่ผ่านมากลับเกิดน้ำท่วม ซึ่งเป็นพื้นที่ของ กทม.ที่ได้ขุดลอก ดังนั้น จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. ได้ประกาศตัวลงสมัครผู้ว่า กทม.นั้น  ตนอยากเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  อย่าให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ รอเก้อควรแสดงความชัดเจนว่าจะให้ใครลงสมัครเป็นผู้ว่า กทม. ทางพรรคเพื่อไทยไม่เกียงว่าจะเป็นใครที่ลงสมัครเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ที่จะเป็นผู้แทนของพรรคลงสมัคร.

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

ชัชชาติปัดชิงผู้ว่ากทม. คุณแม่ขอร้องไม่ให้ลง โพลล์หนุนสุขุมพันธุ์

เมื่อวันที่ 16 กันยายน ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง จากเวทีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ถึงระดับชาติว่าด้วยการปรับคณะรัฐมนตรี กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 2,013 ตัวอย่างและประชาชนใน 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 5-15 กันยายนที่ผ่านมา

เมื่อถามกลุ่มคนกรุงเทพมหานครที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.8 ระบุสิ่งที่ทำให้มีความทุกข์ในการใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ รองลงมา คือ ร้อยละ 88.3 ระบุปัญหายาเสพติด ร้อยละ 87.9 ระบุปัญหาการจราจรติดขัด ร้อยละ 84.0 ระบุปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง/การชุมนุมประท้วง ร้อยละ 83.0 ระบุความหวาดกลัวต่ออาชญากรรม ร้อยละ 81.3 ระบุปัญหามลพิษ ขยะมูลฝอยในชุมชนแออัด ร้อยละ 73.4 ระบุเด็กยกพวกตีกัน เด็กหนีเรียน และร้อยละ 61.7 ระบุปัญหาแรงงานต่างด้าว คนต่างด้าว ตามลำดับ

เมื่อถามถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุขในการใช้ชีวิตในกรุงเทพมหานคร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ระบุความจงรักภักดีของคนในชาติ รองลงมาคือ ร้อยละ 94.6 ระบุความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ร้อยละ 86.9 ระบุมีเพื่อนร่วมงานที่ดี ร้อยละ 86.6 ระบุความมีน้ำใจของคนในชุมชน ร้อยละ 85.6 ระบุเข้าวัดทำบุญ ร้อยละ 85.2 ระบุบ้านเมืองสงบสุข ร้อยละ 85.0 ระบุไม่มีหนี้สิน มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และร้อยละ 84.1 ระบุการมีสวนสาธารณะ มีต้นไม้ร่มรื่น ตามลำดับ

เมื่อถามถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม. พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.1 ระบุซื่อสัตย์สุจริต รองลงมาคือร้อยละ 74.4 ระบุรวดเร็วฉับไวแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 73.8 ระบุกล้าคิดกล้าทำ ร้อยละ 58.7 ระบุมีวิสัยทัศน์กว้างไกล รู้จักป้องกันปัญหา ร้อยละ 57.7 ระบุมีผลงานเห็นได้ชัด ร้อยละ 55.9 ระบุเข้าถึงใกล้ชิดประชาชน ร้อยละ 50.3 ระบุสังกัดพรรคการเมือง และรองๆ ลงไป คือ พัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ มีการศึกษาดี และเป็นคนรุ่นใหม่ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 ยังไม่ตัดสินใจแน่นอน มีตัวเลือกในใจมากกว่า 1 คน ในขณะที่ร้อยละ 37.2 ตัดสินใจแล้วว่าตั้งใจจะเลือกใคร โดยในกลุ่มคนที่ตัดสินใจแล้ว พบว่าร้อยละ 40.0 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองลงมาคือร้อยละ 27.6 จะเลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 10.2 จะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 7.5 จะเลือกนายกรณ์ จาติกวณิช และที่เหลือร้อยละ 14.7 จะเลือกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และนายดำรงค์ พิเดช เป็นต้น
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้องพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมเสนอชื่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ชัดเจน เป็นแค่การแสดงความเห็นของสมาชิกพรรคบางคนที่อาจเห็นว่านายชัชชาติ มีความรู้ความสามารถและมีผลงาน แต่การเสนอชื่อว่าจะให้ใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคนั้น ต้องผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการภาค กทม.ทั้ง 3 โซนก่อน คือ โซนฝั่งธนบุรี มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โซนกรุงเทพฯ ส่วนกลาง มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เป็นประธาน และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก มี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นประธาน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ประธานโซน กทม.ทั้ง 3 โซน จะประชุมหารือกันเรื่องการส่งตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 25 กันยายนว่า ทั้งสามโซนจะส่งใครเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จากนั้นจะส่งรายชื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพิจารณาเป็นขั้นตอน สุดท้ายว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย น่าจะได้ข้อยุติอย่างเป็นทางการในต้นเดือนตุลาคม จากนั้นจะเร่งขับเคลื่อนนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงต่อไป

ด้านนายชัชชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือทาบทามตนให้ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.แต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาเป็นการพูดกันไป ตนไม่ถือเป็นสาระ แต่หากมีการทาบทามจริง ตนอาจจะต้องขอปฏิเสธ เนื่องจากงานภายในกระทรวงคมนาคมที่ตนได้รับมอบหมายให้ทำยังไม่บรรลุผลสำเร็จ และมีงานที่จะต้องสานต่อจำนวนมาก ที่ถือเป็นงานที่ท้าทายมาก นอกจากนี้ หากต้องทิ้งงานที่กระทรวงคมนาคมไปตอนนี้ อาจถูกตำหนิจากประชาชนได้ว่าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“หลังจากมีข่าวออกมา คุณแม่ผมโทรศัพท์มาขอร้องเลยว่าอย่าลงเลย เพราะงานมันไม่เหมาะกับลูก นอกจากนี้ผมยังไม่เคยลงพื้นที่พบปะประชาชนใน กทม.เลย ซึ่งมั่นใจว่าในพรรคยังมีบุคคลอื่นๆ ที่มีความสามารถและเหมาะสมมากกว่าผม”นายชัชชาติ กล่าว

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงกรณีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาระบุว่ายังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผู้ใดลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า เป็นธรรมเนียมของพรรคในการคัดเลือกบุคคลลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ต้องผ่านกระบวนการสรรหาหลายขั้นตอน ส่วนตัวไม่กังวล ถ้ากรณีพรรคไม่ส่งลงแข่ง ก็ไม่คิดจะลงสมัครในนามอิสระ เพราะตนเป็นคนของพรรค ปชป.เคารพในการตัดสินใจของพรรค และตั้งใจเดินหน้าทำงานต่อไป

ที่มา :http://www.naewna.com/

คนกรุงหนุน"ม.ร.ว.สุขุมพันธ์"เป็นผู้ว่าอีกสมัย


โดย ผู้ตอบแบบสอบถามคือประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 1,431 คน เก็บข้อมูลในวันที่ 13 - 15 กันยายน 2555 ในประเด็นของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในช่วงเดือนมกราคม 2556 นโยบายที่ควรให้ความสำคัญ ปัญหาที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน คุณสมบัติและผู้ที่มีความเหมาะสมจะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนต่อไป ดังต่อไปนี้ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้


ประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครคิดว่า 


ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร เหมาะสมกับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมากที่สุดร้อยละ 40.5  อันดับสองคือคุณปวีณา หงสกุล ร้อยละ 10.7   อันดับสามคือ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ร้อยละ 6.8 
และผู้สมัครที่มีสังกัดพรรคการเมืองและไม่สังกัดพรรคการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสูงถึงร้อยละ 63.1 

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากได้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มีคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์โปร่งใส ร้อยละ 33.4 มากที่สุด รองลงมาคือมีการปฏิบัติงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ร้อยละ 18.7 อันดับสามคือมีการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วร้อยละ 16.1

ประชาชนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครอยากให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนคือ ปัญหาการป้องกันน้ำท่วม   ร้อยละ30.4 มากที่สุด   รองลงมาคือปัญหาการจราจร ร้อยละ 24.4   อันดับสามคือปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ร้อยละ 16.5

และนโยบายที่อยากให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญมากที่สุดคือด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิตร้อยละ 33.3   อันดับสองคือด้านการจราจรและขนส่งมวลชน ร้อยละ 19.7   อันดับสามคือด้านเศรษฐกิจและการส่งเสริมอาชีพ ร้อยละ 19.5
 

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

"หม่อมเอ๋อ" อ้าง "ธรรมเนียมพรรค ต้องส่งคนเดิมลงแข่งขัน"


วันนี้( 16 ก.ย.) ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกสมัยว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าต้องเป็นเรื่องที่คณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน ก่อนนำเข้าที่ประชุมผู้บริหารพรรค  ซึ่งเป็นคำตอบปกติ
“ท่านอภิสิทธิ์ ก็เคารพกฎเกณฑ์ของพรรคที่มีมานาน ที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ใช่เหมือนพรรคอื่นๆที่ตัดสินใจได้ภายในคนคนเดียว และตนก็ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ เชื่อมั่นในความเป็นธรรมของพรรค เพราะธรรมเนียมปฏิบัติหากคนเดิมไม่ได้มีความผิด ก็ต้องส่งคนเดิมลงแข่งขัน”  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

'สุขุมพันธุ์ 'ปัดไม่เคยพูด ลงชิงผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ


ที่พรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในฐานะที่ปรึกษาและได้รับคำเชิญจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวก่อนขึ้นประชุมถึงกระแสข่าวที่ว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ ว่า ตนไม่เคยพูดเช่นนั้นเพราะเป็นคนของพรรค ภูมิใจที่เป็นคนของพรรค รักพรรคไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปลงอิสระแม้แต่นิดเดียว และขณะนี้ก็ไม่มีใครแสดงความจำนงที่จะลงสมัครนอกจากตนคนเดียว ดังนั้นข่าวที่ออกมาจึงต้องไปถามคนที่ให้ข่าวเพราะขณะนี้กระบวนการคัดเลือก ของพรรคก็ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด เหมือนในช่วงสุดท้ายที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จะครบวาระในปี 51 พรรคก็ไม่มีการประกาศจนกระทั่งใกล้หมดวาระ ตนจึงไม่คิดว่ามีปัญหาและไม่คิดว่ามีกระบวนการสกัดกั้นตนไม่ให้ลงสมัครผู้ ว่าฯกทม. พร้อมกับย้ำว่ายังไม่มีใครแสดงความจำนงที่จะลงสมัคร และตนไม่หวั่นไหวต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น รวมถึงกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ลงสมัครแทน

"ผมไม่เคยหวั่นไหวเพราะเชื่อมั่นในพรรคของผม เชื่อมั่นในความยุติธรรมของพรรค และอยากให้ความเป็นธรรมกับคุณกรณ์ด้วย เพราะข่าวก็ออกมาว่าคุณกรณ์ประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่ลง เราจะไม่ให้เกียรติคุณกรณ์เชียวหรือ เพราะก็ประกาศไปแล้วจะไปกล่าวหาว่าลงสมัครทำไม ต้องให้เกียรติท่าน ที่ผ่านมาผมก็คุยกับหัวหน้ามาโดยตลอดทางโทรศัพท์ ส่วนจะมีตัวเลือกเพิ่มเข้ามาหรือไม่ต้องถามพรรค แต่เท่าที่ผมทราบไม่มีใครแสดงความจำนงนอกจากผม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้ เพราะยังไม่มีใครเป็นไข้ ผมก็ไม่ได้เป็นไข้" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ที่มา : http://www.nationchannel.com

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

เปิดประวัติ "รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อดีตนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง ลงชิง "ผู้ว่าฯ กทม."

เปิดประวัติ "ม้ามืด" คู่ชิงตำแหน่งพ่อเมืองกรุงเทพฟ้าอมรฯ เมื่อมีการเสนอชื่อ  รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง อดีตผู้ช่วยอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชียวชาญด้านวิศวกรรมโยธา ตั้งใจเข้ามาดูปัญหาระดับโครงสร้างของสังคมเมือง กทม.โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำ

รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

[แก้]ประวัติ

ดร.ชัชชาติ เป็นบุตรของ พลตำรวจเอก เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กับนางจิตต์จรุง สิทธิพันธุ์[1] สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้วยทุนอานันทมหิดล ประจำปี พ.ศ. 2530[2]
ชัชชาติ สมรสกับนางปิยดา สิทธิพันธุ์ (สกุลเดิม อัศวฤทธิภูมิ) พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีบุตรชาย 1 คน[1]

[แก้]การทำงาน

ดร.ชัชชาติ เคยทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้างในบริษัทเอกชน ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการเป็น รองศาสตราจารย์ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 นอกจากนั้นยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแหล่ง อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด การรถไฟฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด[3]
ในปี พ.ศ. 2555 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 2)[4]

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ตรวจสนาม! เลือกตั้งผู้ว่าฯ ฝ่ายใหนเล็งส่งใคร?


BangkokElection2012: สมรภูมิการเมืองระหว่าง 2 ขั้ว 2 พรรค พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมปะทะกันดุเดือดอีกหนในนัดล้างตา เลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

สนามกรุงเทพมหานคร ที่ประชาธิปัตย์ครองแชมป์ทั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก

ครอบครอง ส.ส.จำนวน 23 ที่นั่ง จากทั่วฟ้าเมืองอมร ที่มีเก้าอี้ทั้งหมด 33 เขตเลือกตั้ง

ครอบครองเก้าอี้พ่อเมือง-ผู้ว่าฯกรุงเทพ มหานคร ด้วยชื่อชั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ด้วยคะแนนเสียง 934,602 คะแนน ขึ้นสู่ตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2552

จากสถิติการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ทุกระดับ 4 ปีที่ผ่านมา พบว่า "พรรคประชาธิปัตย์" มีชัยชนะ "พรรคเพื่อไทย" ทุกครั้ง

ตั้งแต่ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ "ยุรนันท์ ภมรมนตรี" จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนน 611,669 กว่า 3 แสนคะแนน

ขณะที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ที่มีการเลือกตั้งเมื่อ 29 สิงหาคม 2553 ปรากฏว่า "พรรคประชาธิปัตย์" กวาดที่นั่ง ส.ก.ไปถึง 45 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ก.ทั้งหมด 61 ที่นั่ง "พรรคเพื่อไทย" ได้ 15 ที่นั่ง และอิสระ 1 ที่นั่ง

ส่วนการเลือกตั้งสนามใหญ่เมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 แม้ "พรรคประชาธิปัตย์" จะแพ้ผลการเลือกตั้งในภาพรวม แต่ก็เอาชนะ "พรรคเพื่อไทย" ได้ในสนาม กทม. โดยได้ ส.ส. 23 ที่นั่งต่อ 10 ที่นั่ง ล่าสุดการเลือกตั้งซ่อม ส.ก.ดอนเมือง เมื่อ 2 กันยายนที่ผ่านมา "กนกนุช นากสุวรรณภา" ส.ก.จาก "พรรคประชาธิปัตย์" สามารถโค่นบัลลังก์แชมป์เก่า ซึ่งเป็นฐานของ "การุณ โหสกุล" ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ได้อย่างพลิกความคาดหมาย โดยได้ 12,858 คะแนน ชนะ "ประเวศร์ วัลลภบรรหาร" จากพรรคเพื่อไทย ได้ 10,224 คะแนน

ความพ่ายแพ้ 4 ระดับ ทั้ง ส.ส.-ผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก. และเลือกตั้งซ่อม ส.ก.ล่าสุด ทำให้ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ระอุเดือดข้นยิ่งขึ้น

ประชาธิปัตย์ หนุน "สุขุมพันธุ์" ดันผลงานแก้น้ำท่วม

ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ครองเก้าอี้ผู้ว่าฯมาแล้ว 3 สมัย ในรอบ 8 ปี

ล่าสุด "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" เริ่มส่งสัญญาณว่าจะลงชิงตำแหน่งในสมัยหน้า ในนามพรรคอีกครั้ง

เขาหาเสียงล่วงหน้าทันทีว่า หากได้รับตำแหน่งอีกครั้งจะเดินหน้าโครงการครัวฮาลาล และต่อยอดโรงพยาบาลเพื่อผู้สูงอายุ

"ผมจะทำโครงการครัวฮาลาลเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่โรงพยาบาลสิรินธร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง ผมคาดว่าจะช่วยสร้างอาชีพให้กับพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามได้มากขึ้นด้วย"

"หากต้องลงสมัครอีกครั้ง ผมขอแข่งขันแบบพื้นราบ อย่าให้ขึ้นเขาสูงตลอดเวลา ขอให้มีความเท่าเทียมระดับเดียวกัน"

แม้จะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนของ "คุณชาย" แต่ธรรมชาติของพรรค ไม่ว่าจะเลือกตั้งสนามเล็ก-ใหญ่ ต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนอย่างรัดกุม

ครั้งนี้ได้มอบหมายให้ "กรณ์ จาติกวณิช" อดีต รมว.คลัง ตรวจบัญชี สรรหาผู้เข้าร่วมประกวดชื่อแข่งกับ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย



เบื้องต้นชื่อในโผ มีทั้งนายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ รวมถึงชื่อ "กรณ์" ด้วย ต่อมาจะถูกคัดกรองอีกรอบผ่านมือ "บัญญัติ บรรทัดฐาน" ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อสรุปรายชื่อก่อนลงมติโหวตในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคต่อไป

ด้วยกระบวนการที่มากขั้นตอน ทำให้จนถึงวินาทีนี้ ชื่อ "ตัวจริง" ที่จะลงสมัครครั้งต่อไปจึงไม่ชัดเจน

ดังนั้นอย่าแปลกใจ เมื่อถามถึงชื่อที่เข้าตากรรมการ "กรณ์" จึงสวนกลับทันทีว่า "ประเด็นมันชัดเจนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ขอพูดมากตอนนี้"

หากถามถึงสัญญาณจากการชนะ ส.ก.ดอนเมือง เขาบอก "ทางการเมืองยังถือว่าสัญญาณนี้ยังไว้ใจไม่ได้"

"ผมคิดว่าไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรกับเก้าอี้ผู้ว่าฯ ดอนเมืองเป็นแค่ 1 ใน 50 เขต ต้องทำงานกันอีกเยอะ แต่ก็นับว่ามีนิมิตหมายที่ดีพอสมควร"

เขาขยายภาพเพิ่มเติมว่า ประชาชนผิดหวังกับการบริหารน้ำของรัฐบาล ตั้งแต่การแก้ปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 ไล่มาจนถึงการเยียวยาที่เป็นไปอย่างล้มเหลวในช่วงปี 2555 ทั้งหมดคือเหตุผลที่ทำให้พรรคเอาชนะในพื้นที่ดอนเมือง

"ผมเชื่อว่าชาวบ้านให้โอกาสคนทำงานมากกว่าที่จะตัดสินใจว่าเป็นพรรคไหน ยิ่งน้ำท่วมก็เห็นชัดว่า พวกเราลงพื้นที่ไปช่วยพวกเขาค่อนข้างมาก ซึ่งสวนทางกับพรรคเพื่อไทย"

ด้าน "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ 2 สมัย วิเคราะห์ในทางเดียวกันว่า ปชป.ชนะเพราะทำงานหนัก โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา

เขาบอกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมจะเป็นตัวชี้ขาดว่าใครจะได้เป็นผู้ว่าฯคนต่อไป ?

"ยอมรับว่าคุณชายทำงานหนัก ทำให้ประชาชนยังไว้วางใจเขาให้ทำงานต่อแน่"

"แต่ต้องรอคำตอบจากเจ้าตัว ยิ่งในช่วงโค้งสุดท้าย ยิ่งต้องลงพื้นที่ทำงาน ที่ผ่านมารัฐบาลบริหารน้ำผิดพลาด เราจะต้องช่วงชิงจังหวะเพื่อให้ประชาชนไว้วางใจให้ได้"

ในการเลือกตั้งครั้งก่อน "อภิรักษ์" คือผู้ดันชื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้ไปอยู่ในโผของพรรค ดังนั้นหากจะมีการลงสมัครซ้ำอีกรอบ เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตนเองก็เป็นมาแล้ว 2 สมัย

"อภิรักษ์" จัดลำดับเคล็ดลับ 3 ประการ ที่เป็นสารเร่งเรียกคะแนนนิยม ดังนี้

1.ตัวผู้สมัคร หากเป็นที่คุ้นเคยทั้งหน้าตาและชื่อเสียงทางการเมือง โอกาสที่จะได้รับเลือกย่อมมีสูง

2.นโยบาย ยิ่งโดนใจคน กทม.มากเท่าไร ย่อมได้คะแนนในแดนบวกมากขึ้นเท่านั้น

3.สังกัดพรรคการเมือง เพราะเหตุการณ์หลังรัฐประหาร ประชาชนสนใจการเมืองมากขึ้น ยิ่งในยุคที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน นั่นเท่ากับมีฐานเสียงของพรรคเข้ามาโดยปริยาย

ส่วนโควตา "ผู้สมัครอิสระ" แม้ทุกครั้งจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงลงสมัครมากมาย แต่ "อภิรักษ์" มั่นใจว่า คนเหล่านี้ทำได้เพียงแค่ตัดแต้มผู้สมัครจาก ปชป. และพรรคเพื่อไทย

นอกจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ออกตัวแรง แซงทุกโผขึ้นมาเป็น "เบอร์หนึ่ง" คนวงใน ปชป.ยังได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หากจำเป็นต้องส่ง "กรณ์" เข้าชิงตำแหน่งครั้งนี้

เพราะช่วงที่ผ่านมา เคยนั่งเก้าอี้ "ขุนคลัง" ในสมัยที่พรรคได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นการที่จะลงสนามผู้ว่าฯ พรรคอาจมองว่าเป็นการลดเครดิตตนเองจากตำแหน่งรัฐมนตรี

ขณะที่อีกกลุ่มมองต่าง ยกชื่อชั้นเทียบความเหมือนของ "กรณ์" กับ "สมัคร สุนทรเวช" ว่า ก่อนที่นายสมัครจะได้เป็นผู้ว่าฯ ก็เป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายสมัยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ปชป.ต้องรอดูท่าทีจากฝั่งเพื่อไทย ในบริบทของ "ชื่อผู้สมัคร" โดยเฉพาะทิศทางลม หากมีการปรับคณะ รัฐมนตรีครั้งต่อไป เพราะอาจมีผู้สมัครที่อยู่ในโผ "อดีตรัฐมนตรี" เพิ่มเติม

ดังนั้นชื่อ "ตัวจริง" ในใบสมัครผู้ว่าฯ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จึงยังไม่ถึงจังหวะที่จะเปิดเผยในเวลานี้

เพื่อไทยเปิดโผหลอกปลอดประสพ-กิตติรัตน์-เจ๊หน่อยลุ้น

การเลือกตั้งทั้ง 4 สนาม "พรรคเพื่อไทย" พ่ายแพ้อย่างหมดรูปในสนามเลือกตั้งเมืองหลวง โดยเฉพาะการเลือกตั้งซ่อม ส.ก.ดอนเมือง ที่ถูก "พรรคประชาธิปัตย์" เจาะไข่แดง

แต่ "วิชาญ มีนชัยนันท์" ในฐานะประธานภาคกทม.มองว่า การเลือกตั้งสนามใหญ่ กับสนามย่อย ต่างกันสิ้นเชิง

"เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีความต่างกับการเมืองระดับชาติ การเลือกตั้งท้องถิ่นชาวบ้านจะดูที่ตัวบุคคล เชื่อว่าเรื่องเงินชดเชยน้ำท่วมมีส่วนทำให้เพื่อไทยพ่ายแพ้ด้วย"

เมื่อ "พรรคเพื่อไทย" ไม่สามารถเอาชนะ "พรรคประชาธิปัตย์" ได้เลย ในรอบ 3 ปีหลังสุด ดังนั้น ในศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจึงเก็บตัวซุ่มทำแผนกลยุทธ์ ทำโพลสำรวจอย่างรอบคอบ-รอบด้าน

มีการสำรวจความต้องการของคน กทม. ทั้ง "โพลใหญ่" แบบเดือนเว้นเดือนกับ "โพลย่อย" รายเดือน

เน้นหนักในพื้นที่ฝ่ายตรงข้ามใน 23 เขตของ "พรรคประชาธิปัตย์" ถามละเอียดถึงขั้นประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ มีความต้องการอยากเห็น-อยากได้อะไร เพื่อนำมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์-นโยบายการเจาะฐานเสียงในอนาคต

และยังจัดทำโพลสำหรับวัดความคิดคนกรุง ต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่กำลังจะถึงในอีก 4 เดือนข้างหน้า พร้อมทั้งหยิบรายชื่อแคนดิเดตผู้สมัครของ "พรรคเพื่อไทย" กับ "พรรคประชาธิปัตย์" มาเทียบกันแบบ "ปอนด์" ต่อ "ปอนด์"

โพลล่าสุดที่ "พรรคเพื่อไทย" ลงพื้นที่สำรวจความคิดชาว กทม.กว่า 1,000 คน แบ่งออกเป็น 2 ชุดคำถาม

ชุดที่ 1 ถามว่า "ถ้าให้เลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเลือกใคร" มีตัวเลือก 3 คน 1.ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ 2.ประภัสร์

จงสงวน กรรมการผู้ช่วย รมว.คมนาคม 3.อุเทน ชาติภิญโญ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาด้านการระบายน้ำนายกรัฐมนตรี

ปรากฏว่าคนที่ได้คะแนนมากที่สุดคือ "ปลอดประสพ" ได้เกินร้อยละ 60 อันดับ 2 เป็น "ประภัสร์" และ 3 เป็น "อุเทน"

ส่วนชุดที่ 2 ใช้แนวคำถามเหมือนกัน "ถ้าให้เลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จะเลือกใคร" เบอร์ 1. กรณ์ จาติกวณิช 2.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร 3.องอาจ คล้ามไพบูลย์

เมื่อกางผลโพลปรากฏว่า อันดับ 1 เป็น "กรณ์" ได้คะแนนร้อยละ 52 อันดับ 2 เป็น "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ได้ร้อยละ 34 ส่วน "องอาจ" มาเป็นอันดับ 3 ร้อยละ 14

อย่างไรก็ตาม โพลทั้ง 2 ชุดคำถาม เป็นเพียงเครื่องมือหยั่งเสียงเบื้องต้นเท่านั้น

ทั้ง 3 รายชื่อที่อยู่ในแบบสอบถาม ยังไม่ใช่แคนดิเดตตัวจริงที่ "พรรคเพื่อไทย" ส่งสู้ศึก

แต่การเปิดตัวบุคคลที่เป็นตัวจริงนั้น "พรรคเพื่อไทย" วางกลยุทธ์ไว้ 2 แบบ คือ1.แบบเดียวกับการเปิดตัว "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ใช้สูตร 49 วันเป็นนายกฯเปิดตัวใกล้วันลงรับสมัครเลือกตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย

2.รอให้ "พรรคประชาธิปัตย์" เปิดตัวก่อนแล้ว "พรรคเพื่อไทย" จึงจะเปิดตัวตาม

เมื่อการสรรหาผู้สมัครยังไม่ลงตัว จึงทำให้อุณหภูมิการเมืองใน "โอเอไอ ทาวเวอร์" ช่วงเวลานี้ถึงขั้นร้อนระอุ เพราะมีการแบ่งกลุ่ม แบ่งขั้ว แบ่งข้างสนับสนุนบุคคลที่จะมาชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯเมืองหลวงในนามของพรรค ส.ส.กทม. ผนึกกำลังกับ ส.ก. ส.ข. สนับสนุน "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ลงชิงผู้ว่าฯหญิงคนแรก

ขณะที่ ยิ่งลักษณ์-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์-ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หนุนชื่อของ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองนายกฯ และ รมว.คลัง ที่มีข่าวว่าจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี และให้ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ เป็นรางวัลปลอบใจ

ยังไม่นับ 3 ชื่อที่อยู่ในโพลสำรวจความเห็น คือ ปลอดประสพ-ประภัสร์-อุเทน ก็ยังมีสิทธิ์ลุ้น เป็นตัวสอดแทรก ตัวตัดคะแนนได้ตลอดเวลา

แม้ "คุณหญิงสุดารัตน์" จะเก็บตัวเงียบ ปล่อยให้เด็กในสังกัดทั้ง ส.ส.กทม. รวมถึง ส.ก. ส.ข.ออกมาเคลื่อนไหวแทน แต่เมื่อจับคำพูดในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดครบ 51 ปี เมื่อ 1 พฤษภาคม ณ ลานวัดสระเกศที่ผ่านมา

เป็นการพูดบนเวทีต่อ ส.ส.กทม. ส.ก. ส.ข. และเครือข่ายหัวคะแนนใน กทม.ทั้งหมด สามารถเดาได้ไม่ยากว่ามีโอกาส 50 : 50 ที่ "เจ๊หน่อย" อยากหวนคืนสู่สนามการเมือง ในบทบาทเบื้องหน้าอีกครั้ง

"งานการเมืองไม่ทิ้งแน่ แต่หลังปลดล็อกขอเป็นผู้สนับสนุน ส.ส. และรัฐมนตรีไปก่อน เพราะทำงานดีอยู่แล้ว ขอทำงานพระพุทธเจ้าน้อยให้เสร็จ หลังจากนั้นจะเป็นผู้ว่าฯ หรือผู้ถูกว่า หรือ ส.ส.ค่อยว่าอีกที" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

"วิชาญ" ประเมินแบบคนใกล้ชิดถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่ "คุณหญิงสุดารัตน์" จะเสนอตัวชิงผู้ว่าฯ กทม.ว่า "ส่วนตัวเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่รู้จักของประชาชน รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มตั้งกลุ่มพลังไทยใน กทม."

"แต่ผมยังตอบไม่ได้ว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ แต่คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้ แต่คงต้องขึ้นอยู่ที่การพิจารณาของพรรคและจะมีบุคคลที่จะเหมาะสมลงสมัครหรือไม่ แม้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวผู้สมัครหลังสุดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"

ความเคลื่อนไหวอย่างร้อนระอุภายในพรรคเพื่อไทย เพื่อชิงเป็นตัวแทนในนามพรรค ลงแข่งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป จนกว่าผู้มีบารมีนอกพรรคจะประกาศชื่อผู้สมัครตัวจริง

โหมโรง"ศึกน้ำ" เปิดฉาก"ศึกผู้ว่าฯกทม." ศึก"รัฐบาล-ฝ่ายค้าน"

วาระของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะสิ้นสุดในต้นปี 2556

หมายถึงการสิ้นวาระของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร

ขณะที่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าจะส่ง นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค กทม. ลงแข่งขัน
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เอง ย้ำความตั้งใจจะลงป้องกันแชมป์กลายเป็นสภาพที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ของพรรคประชาธิปัตย์

เหตุที่บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนนายกรณ์ เป็นเรื่องพอจะมองเห็นที่มาที่ไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม.ในปี 2554 


รวมถึงการเตรียมการสำหรับปี 2555 ด้วย

หลังจากรัฐบาลประกาศจะซ้อมใหญ่ การระบายน้ำใน กทม.ในต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

พรรคประชาธิปัตย์ออกมาคัดค้านเต็มที่


สุดท้ายการทดสอบเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. แต่ยังไม่ครบถ้วน

ตามกำหนด รัฐบาลจะทดสอบอีกในวันที่ 7 ก.ย.

แต่ต้องสั่งยกเลิกกะทันหันในคืนวันที่ 6 ก.ย. หลังจากฝนถล่มกรุงเทพฯ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แถลงว่ารวมแล้วใน กทม.มีปริมาณฝน 60 ล้าน ลบ.เมตร มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่

เป็นสภาพที่น่าหนักใจสำหรับคนกรุงเทพฯ

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเสนอแนะว่า อยากให้รัฐบาลและ กทม.ประชุมร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ว่าจากจุดปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ไขอย่างไร

"ไม่ควรนำเรื่องน้ำมาเป็นประเด็นการเมือง"

และ "ควรจะเป็นความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา พูดถึงแต่ตัวเนื้องาน อย่าโทษกันไปมา เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คิดเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม"

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพของกรุงเทพฯหลังฝนตกใหญ่เมื่อวันที่ 6 ก.ย. สะท้อนการทำงานของผู้ว่าฯกทม.และ กทม.

ทำให้เกิดข้อสงสัยในการขุดลอกคูคลอง ในการทำความสะอาดท่อระบายน้ำ

ขณะที่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำของ กบอ. ระบุว่า

กทม.มีพื้นที่ในการระบายน้ำที่แคบ ในการระบายน้ำออกทะเล

ในวันที่ฝนตกหนักในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาถึง 4 วัน ในการระบายน้ำให้สถานการณ์คลี่คลายลง

ขณะที่ยังมีน้ำที่อยู่บนทุ่งเจ้าพระยายังมีน้ำที่รอปล่อยผ่าน กทม. เพื่อระบายลงสู่ทะเลอีกจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า ต้องหาวันเวลาที่เหมาะสมในการระบายน้ำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพคูคลองให้ได้

เพื่อทดสอบการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โดยให้รอหลังจากที่สถานการณ์น้ำฝนและน้ำป่าในภาคเหนือเริ่มคลี่คลายลง

อย่าเอาน้ำมาเป็นประเด็นการเมือง ก็คือ อย่าเอาน้ำมาเล่นการเมือง

โดยความหมาย คือ อย่าเอาเรื่องของ "น้ำ" มาหาคะแนนเสียง สร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้ตนเอง หรือทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง

เพราะเรื่องของน้ำคือ ปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชน การนำเอาปัญหาน้ำมาเล่นการเมือง เท่ากับซ้ำเติมทุกข์ร้อนของประชาชน

เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เป็นการแสวงหาคะแนนนิยมแบบ "สามานย์"

เพราะ ไม่ต้องเอาน้ำมาเล่นการเมือง ก็สามารถส่งผลกระทบทางการเมืองได้อยู่แล้ว หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่เอาใจใส่ในมาตรการป้องกันหรือแก้ไข

ข้อเสนอไม่เอาน้ำมาเล่นการเมือง เป็นสัญญาณเตือนว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ มีความดุเดือดซับซ้อน รออยู่



ที่มา :  http://www.matichon.co.th