วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" แปรโอกาสเป็นวิกฤต

สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.



ลองเข้าในเว็บไซต์ที่ให้ตั้งกระทู้เรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้าน เกลื่อนด้วย "ฮาไปสั่นหัวไป" ว่าด้วย "ตลาดน้ำแห่งใหม่ใหญ่ยักษ์" ของ "กรุงเทพมหานคร"

ใช้ชื่อว่า "ตลาดน้ำสยามสแคว์"

เปล่า! ไม่ใช่ตลาดที่มีใครไปสร้างขึ้นใหม่ แต่เป็น "ศูนย์การค้าสยามสแคว์" ในคืนที่น้ำท่วมแทบเต็มพื้นที่ ร้านรวงที่แต่งไว้หรูหรากลายเป็นร้านที่ลอยอยู่ในน้ำ 

เกิดการประชดอย่างมีอารมณ์ขันว่าเป็น "ตลาดน้ำสยามสแคว์"

ยิ้มทั้งน้ำตา อะไรทำนองนั้น

จะไม่ให้ขื่นในอารมณ์ได้อย่างไร เพราะหลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ระดับวิกฤตชาติในปีที่แล้ว 

ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายต่างออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ปีนี้จะไม่มีน้ำท่วมอีก เพราะบทเรียนจากปีที่ผ่านมาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเตรียมการรับมือ

ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว เป็นวิกฤตที่โอกาสผุดโผล่ขึ้นมาให้ใช้ประโยชน์ได้มากมาย

แม้แต่คนที่ไม่เคยใส่ใจความรู้เรื่องน้ำในแผ่นดินลุ่มต่ำอย่างประเทศเรา ยังได้รับการอธิบายจนเข้าใจเส้นทางน้ำ และหนทางระบายที่โบร่ำโบราณเตรียมไว้ให้ 

รับรู้ถึงความเสียหายจากการเกิดขึ้นของเมืองใหม่ที่ปิดขวางทางน้ำ

เรียนรู้ถึงอุปกรณ์ที่เตรียมการไว้รองรับ และปัญหาที่ใช้งานไม่ได้ 

รวมถึงการเตรียมความคิดที่จะรับมือ

ทุกคนทุกฝ่ายมั่นใจว่า ต่อให้น้ำหลากมากกว่าปีที่แล้ว กรุงเทพฯจะรับมือได้ เพราะความพร้อมและความรู้ที่มีมากกว่าเดิมหลายเท่า

ยิ่งในความเป็นจริง ทุกผลการสำรวจทางสถิติ น้ำปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วหลายเท่า

ยิ่งมองไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาคณามือ

จะไม่ขื่นได้อย่างไร เมื่อมั่นใจในความพร้อมขนาดนั้น อีกทั้งสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่น 

แต่แล้วในความเป็นจริง ฝนตกมาทุกแฉ่ เกิดน้ำท่วมฉับพลับในหลายถนน เหมือนบ้านนี้เมืองนี้ไร้ประสิทธิภาพสิ้นเชิงในเรื่องการระบายน้ำ

ความเชื่อมั่นที่มีอยู่หดหาย มองเห็นแต่ความไร้สามารถของกลไก

ผู้บริหาร กทม.พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดจาก "ฝนตกหนัก" มีปริมาณน้ำมากเกินกว่าท่อระบายน้ำจะรับมือ

เหี่ยว จึงคืออารมณ์ของผู้คนที่ได้รับฟัง เพราะคนละเรื่องเดียวกันกับการรับรู้

ยิ่งฟังยิ่งสิ้นศรัทธา

อุโมงค์ยักษ์ที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณหลายหมื่นล้าน อันเคยอวดโชว์ว่าจะเป็นช่องส่งน้ำลงทะเลได้มหาศาล ใช้การไม่ได้เพราะไม่มีช่องให้น้ำลงอุโมงค์

เป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากการขาดการจัดการ

น้ำน้อยกว่า ความรู้มากกว่า บอกเล่าถึงการเตรียมการอุปกรณ์อย่างคึกคัก

แต่ความจริงคือ "ดีแต่พูด" 

เป็นความพร้อมที่ยังไม่ได้ลงมือทำ

ไร้ประโยชน์

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบัน ประกาศแล้วว่าจะลงอีกเที่ยวในสมัยหน้า

ไม่มีคำตอบที่สร้างความมั่นใจว่ากลไกที่ควรจะเป็นของ กทม.น่าจะเป็นอย่างไร จะล้างยกบางกันครั้งใหญ่หรือไม่ สำหรับข้าราชการที่ไม่ทำงานที่ควรทำ

ความรู้พร้อม อุปกรณ์พร้อม งบประมาณเหลือเฟือ

ขาดแต่ความเอาใจใส่ของคนที่ต้องรับผิดชอบ

"สุขุมพันธุ์ บริพัตร" คงกล้าที่จะลุกขึ้นยืนอย่างองอาจประกาศว่าขอรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนจากน้ำท่วมของคน กทม.

แต่การประกาศที่ไม่ได้ลงมือทำ เพราะไม่เคยคิดที่จะใส่ใจอย่างจริงจัง

มีประโยชน์อะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น