วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

“DSI” ย้ำชัด อัดกทม.! ตั้งคดีเพิ่มเอาผิดบีทีเอสใช้ผลต่อสัญญาเตรียมขายกองทุนในตลาดหุ้น

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าบริษัทบีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)เเละบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท เเละเตรียมขายหน่วยลงทุนกับประชาชนว่า ดีเอสไอไม่สบายใจนับสัปดาห์ในเรื่องนี้ เพราะความผิดตามพรบ.หลักทรัพย์ฯเป็นคดีพิเศษที่ดีเอสไอรับผิดชอบโดยตรง เมื่อมีการตั้งกองทุนนี้ก็กังวลว่าเป็นเรื่องเชื่อมโยงการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อกลางปีที่เเล้วหน่วยตรวจสอบของดีเอสไอได้เริ่มตรวจสอบ เเละพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องนี้กล่าวหาว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องดีเอสไอ จึงเชิญผู้ว่าฯกทม.เเละรองผู้ว่าฯกทม.มารับทราบข้อกล่าวหาว่า เป็นเรื่องที่ใช้อำนาจของรมว.มหาดไทยมาต่อสัมปทานโดยไม่ชอบ เเละใช้ชื่อสัญญาว่าจ้างเดินรถ เเละบริหาร 30 ปีเเต่เนื้อหาจริงๆคือต่อสัมปทานเเละขยายเส้นทาง ทั้งๆที่สัมปทานเดิมยังเหลือ13ปี เเต่กทม.ต่ออายุสัญญาสัมปทานไปอีก17ปี รวม30ปี

นายธารติ กล่าวว่า มุมมองของดีเอสไอมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะอำนาจต่อสัมปทานต้องเป็นของรมว.มหาดไทย ซึ่งรมว.มหาดไทย ต้องนำเรื่องเเบบนี้เข้าที่ประชุมครม.ปี2532 บีทีเอสกับกทม.ก็ทำเเบบนี้เเต่ครั้งนี้กลับทำเเบบรู้เเละเลี่ยงใช้ชื่ออื่นๆเในสัญญา เเต่สาระคือต่อสัมปทาน

นายธาริต กล่าวว่า ฉะนั้นมันผิดกฎหมายอาญาเเละสัญญานี้เป็นโมฆะ บีทีเอสนำโอกาสในอนาคตตั้งกองทุนระดมทุนจากประชาชนผ่านหน่วยลงทุน ตรงนี้ไปกันใหญ่เเล้ว เพราะมีการหงายไพ่เเล้วดีเอสไอมองว่าเรื่องนี้ถูกต้องหรือไม่ เเละกฎหมายเคร่งครัดกับกฎหมายลงทุนที่หน่วยเงินลงทุนต้องมีที่มาอย่างถูกต้องคุยกับอัยการคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสุงสุดที่ร่วมสอบสวนเรื่องนี้ว่าตรงนี้คือมูลเหตุจุงใจในการต่อสัญญาในอนาคตกฎหมายกระจายอำนาจฯของกระทรวงมหาดไทยนั้นระบุว่าอำนาจเดิมตามกฎหมายเดิมที่ซ้อนกับอำนาจใหม่ของกฎหมายใหม่นั้นต้องเเก้ไขกฎหมายเดิมก่อน เเต่กระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่ายังไม่มีการเเก้ไขประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่58 ที่เชื่อมกับมาตรา31 ของกฎหมายกระจายอำนาจฯ ฉะนั้น อำนาจดังกล่าวยังอยู่ที่รมว.มหาดไทย ฉะนั้นกทม.เเละบีทีเอส ต้องทำเหมือนเดิมในปี2532 หากเลี่ยงบาลีเเบบนี้กันหมด บ้านเมืองจะทำเช่นใด ดีเอสไอโดนโจมตีเละ โดยเฉพาะตนจากทีวีดาวเทียมบางช่องยืนยันว่าตนร่วมทำงานกับคณะทำงานกว่า 20 คนจะชี้นกชี้ไม้ไม้ได้ เเละยอมติดคุกเเทนคนอื่นไม่ได้เช่นกัน

เมื่อถามว่าเเสดงว่านายคีรี กาญจนพาสน์ ผู้บริหารบีทีเอส ใช้โอกาสในอนาคตตั้งกองทุนรวม เเละขายหน่วยลงทุนกับประชาชนในการขยายเเละเดินไไฟฟ้า นายธาริต กล่าวว่า ใช่ ประชาชนจะเป็นตัวประกันหากไปซื้อหน่วยลงทุน บริบทของเรื่องนี้มี 2 เรื่องเเต่พันกันอยู่เเต่กำลังดูว่าจะรวมสำนวนคดีเป็นคดีเดียวหรือไม่ เมื่อถามว่าข้อต่อสู้ของกทม.ตอนนี้คือทำไมไม่ดำเนินคดีผู้ว่าฯกทม.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ที่ต้องยื่นต่อปปช. นายธาริต กล่าวว่าชี้เเจงกับฝ่ายกฎหมายของมรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ที่มาพบดีเอสไอเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ว่า อำนาจต่อสัญญาสัมปทานเป็นของรมว.มหาดไทยไม่ใช่อำนาจของผู้ว่าฯกทม. ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ว่าฯกทม.เเละรองผู้ว่าฯกทม.ดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตนเอง มาตรา157นั้นต้องใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริตหรือเเสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น กรณีนี้ผู้ว่าฯกทม.ดำเนินการการนอกอำนาจหน้าที่ เเละนำอำนาจของคนอื่นมาดำเนินการ ดีเอสไอจึงฟ้องผู้ว่าฯกทม.เเละรองผู้ว่าฯกทม.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ไม่ได้ กรณีนี้ผู้ว่าฯกทม.เเละรองผู้ว่าฯกทม.มีความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ปี2515 มาตรา58 เเละกฎหมายกระจายอำนาจฯของกระทรวงมหาดไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น