เป็นประเด็นร้อนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในตอนนนี้
สำหรับกรณีการต่อสัญญา BTS ซึ่งกทม.โดยผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์
ได้ทำการต่อสัญญาสัมปทานกับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BTS ซึ่ง
ล่าสุดเจ้าหน้าที่กทม. และ บริษัท BTS ถูกแจ้งข้อหา
ร่วมกันประกอบกิจการรถราง โดยมิได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก กระทรวงมหาดไทย
โดยคณะกรรมการคดีพิเศษ ประเด็นของเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเดิมทีสัญญาสัมปทานระหว่างกทม.และ
BTS นั้นมีอยู่แล้ว
แต่เมื่อมีการต่อสัญญาหรือดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดใดต่อสัญญาฉบับเดิม
แน่นอนว่าต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ คือ
ต้องได้รับการอนุมัติจากทางกระทรวงมหาดไทย มิใช่
ให้กทม.ซึ่งไม่มีอำนาจดำเนินการเอง
ทั้งนี้ทางคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ระบุว่า
การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่กทม.และบริษัท BTS
ซึ่งมีการต่อสัญญาสัมปทานกันใหม่โดยมิได้รับการอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก
กระทรวงมหาดไทย จึงเข้าข่ายความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ประกอบป.อาญา
มาตรา 59 , 83 , 84 และ 86 ซึ่งทางกฎหมายถือว่าเป็นโมฆะ
และมีมติแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ทาง DSI
ยังมีการส่งหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ให้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งยับยั้ง หรือ สั่งการตามเห็นสมควร
แน่นอนว่าเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์
และ ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์
เพราะนอกจากจะถูกตั้งคำถามจากประชาชนถึงการต่อสัญญาทั้งที่สัญญาเดิมยังมีอายุถึงปี
พ.ศ. 2572 (มากกว่า 16 ปี) ยังถูกตั้งคำถามเนื่องจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ชัดเจน และหากมีการดำเนินคดีถึงที่สุดอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์อย่างรุนแรงในทางการเมือง
ยังส่งผลถึงความสง่างามในการลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีมติส่ง
มรว. สุขุมพันธุ์ ลงชิงตำแหน่งอีกสมัยด้วย จะเห็นได้ว่าทางรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
นาย ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน
ออกมาตอบโต้โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง และกล่าวว่า DSI
ไม่มีอำนาจในการทำคดีนี้ แต่เป็นอำนาจของปปช.
รวมทั้งอ้างว่าการต่อสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่กทม.สามารถทำได้
แต่เมื่อมองที่ข้อกฎหมาย
พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (พรบ.ปปช.) หมวด 2 มาตรา 19
ซึ่งว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของปปช. จะเห็นได้ว่าคดีนี้ปปช.ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่
ในขณะที่ พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ หมวด 3 มาตรา 21 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มีอำนาจที่จะแจ้งข้อกล่าวหา
รวมทั้งดำเนินคดีในเรื่องปมการต่อสัญญา BTS ของกทม. ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นปมปัญหาที่หนักอกหนักใจผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์
และ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอย่างมาก เพราะเรื่องนี้จะเลี่ยงก็ไม่ได้
จะหลอกก็ไม่ได้เพราะกำลังเป็นคดีความ อีกทั้งใกล้จะถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้ว
นอกจากจะต้องหาเสียง ยังต้องตอบคำถามประชาชนและสังคม ยังต้องวุ่นวายกับคดีความจาก DSI อีก
แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อทำเองกับมือ.........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น