วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ปมต่อสัญญา BTS เขย่าสถานะผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ !!!!


เป็นประเด็นร้อนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในตอนนนี้ สำหรับกรณีการต่อสัญญา BTS ซึ่งกทม.โดยผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ ได้ทำการต่อสัญญาสัมปทานกับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BTS ซึ่ง ล่าสุดเจ้าหน้าที่กทม. และ บริษัท BTS ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการรถราง โดยมิได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการคดีพิเศษ ประเด็นของเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเดิมทีสัญญาสัมปทานระหว่างกทม.และ BTS นั้นมีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการต่อสัญญาหรือดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดใดต่อสัญญาฉบับเดิม แน่นอนว่าต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ คือ ต้องได้รับการอนุมัติจากทางกระทรวงมหาดไทย มิใช่ ให้กทม.ซึ่งไม่มีอำนาจดำเนินการเอง

            ทั้งนี้ทางคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ระบุว่า การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่กทม.และบริษัท BTS ซึ่งมีการต่อสัญญาสัมปทานกันใหม่โดยมิได้รับการอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก กระทรวงมหาดไทย จึงเข้าข่ายความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ประกอบป.อาญา มาตรา 59 , 83 , 84 และ 86 ซึ่งทางกฎหมายถือว่าเป็นโมฆะ และมีมติแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ทาง DSI ยังมีการส่งหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งยับยั้ง หรือ สั่งการตามเห็นสมควร

            แน่นอนว่าเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ และ ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ เพราะนอกจากจะถูกตั้งคำถามจากประชาชนถึงการต่อสัญญาทั้งที่สัญญาเดิมยังมีอายุถึงปี พ.ศ. 2572 (มากกว่า 16 ปี) ยังถูกตั้งคำถามเนื่องจากเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ชัดเจน และหากมีการดำเนินคดีถึงที่สุดอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์อย่างรุนแรงในทางการเมือง ยังส่งผลถึงความสง่างามในการลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีมติส่ง มรว. สุขุมพันธุ์ ลงชิงตำแหน่งอีกสมัยด้วย จะเห็นได้ว่าทางรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นาย ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ออกมาตอบโต้โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง และกล่าวว่า DSI ไม่มีอำนาจในการทำคดีนี้ แต่เป็นอำนาจของปปช. รวมทั้งอ้างว่าการต่อสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่กทม.สามารถทำได้

            แต่เมื่อมองที่ข้อกฎหมาย พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (พรบ.ปปช.) หมวด 2 มาตรา 19 ซึ่งว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของปปช. จะเห็นได้ว่าคดีนี้ปปช.ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ ในขณะที่ พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ หมวด 3 มาตรา 21 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มีอำนาจที่จะแจ้งข้อกล่าวหา รวมทั้งดำเนินคดีในเรื่องปมการต่อสัญญา BTS ของกทม.  ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นปมปัญหาที่หนักอกหนักใจผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ และ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอย่างมาก เพราะเรื่องนี้จะเลี่ยงก็ไม่ได้ จะหลอกก็ไม่ได้เพราะกำลังเป็นคดีความ อีกทั้งใกล้จะถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้ว นอกจากจะต้องหาเสียง ยังต้องตอบคำถามประชาชนและสังคม ยังต้องวุ่นวายกับคดีความจาก DSI อีก  แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อทำเองกับมือ.........

                                                      Watr Hacker


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น