BangkokElection2013 (วันที่ 4 มกราคม 2555) - นายจารุพงศ์
เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย
ให้ใช้อำนาจยกเลิกสัญญาให้บริการเดินรถไฟฟ้าระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ
บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี
เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจาก รมว.มหาดไทยว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวจาก
ดีเอสไอ แต่ตนทราบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ดี เพราะเคยเป็น รมว.คมนาคมมาก่อน
ซึ่งในอดีตก่อนมีการจัดตั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พล.ต.จำลอง
ศรีเมือง ผู้ว่า
กทม.ขณะนั้นมีความต้องการจะสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายโครงการโฮปเวลล์ ซึ่ง
รมว.มหาดไทยขณะนั้นก็มอบอำนาจให้ ผู้ว่า กทม.ดำเนินการ แต่หลังจาก รฟม.ตั้งขึ้น
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติย้อนหลังว่าหากหมดสัญญาการเดินรถซ่อมบำรุง หรือ
หมดสัญญาสัมปทาน กทม.ต้องคืนอำนาจการต่อสัญญากลับมาที่ รฟม. และต้องขออนุญาตจาก
รมว.มหาดไทย ดังนั้น การที่ กทม.ต่อสัญญาดังกล่าวโดยพลการจึงไม่ถูกต้อง
"กทม.เป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น
แต่จากตัวแทนคุณกลับมาต่อสัญญาแทนกระทรวงมหาดไทย กลับทะลึ่งมาเป็นเจ้าของอำนาจ
หรือถึงแม้ไม่มีอำนาจ แต่ถ้าคุณจะต่อไม่ถามเจ้าของอำนาจที่แท้จริงได้อย่างไร
ผู้ว่า กทม.ก็ต้องโดน อย่ามาขอคะแนนสงสารจากชาวบ้านว่าถูกรังแก ส่วนปัญหากับเอกชนนั้น
ต้องให้เขารู้ว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกลางกับท้องถิ่นจะฟาดฟันกันอย่างไรไม่เกี่ยวกับ
บีทีเอสซี อย่าเอามาเป็นตัวประกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้ว่า กทม. ก็ต้องดำเนินคดีกับ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่ถ้าไม่ได้กลับมาเป็นผู้ว่า กทม. ก็ดำเนินคดีย้อนหลังได้
ขณะเดียวกัน สัญญาที่กทม.ทำกับ บีทีเอสซี เราจะไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า
ไม่ทำให้เขาเสียขวัญ เสียบรรยากาศการลงทุน
สัญญาที่จะต่อก็ยังต่อให้อยู่ยังได้รับการคุ้มครอง เพราะเขาไม่ทราบว่า กทม.ทำผิด
ดังนั้น จึงต้องเรียกมาหารืออีกครั้ง" นายจารุพงศ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น