BangkokElection2013 (วันที่ 14 มกราคม 2555) -
พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า
ได้เล่าให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงความในใจว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจลาออกจากชีวิตรับราชการตำรวจ
ซึ่งถ้านับตั้งแต่อยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ถือว่าได้ทำงานดูแลประชาชนมาเกิน 35
ปีแล้วอย่างไรก็ตามได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่นักการเมือง
ถ้าเทียบพรรษากันก็ถือว่านับจากศูนย์ แต่มีความตั้งใจ
และพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะรับใช้คนกทม. ทั้งนี้ตลอดชีวิตการทำงานก็มีประสบการณ์
ได้รู้ถึงความทุกข์ยาก และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาว กทม.มาเยอะ ซึ่งได้เห็นปัญหาต่าง
ๆ มากมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อทางพรรคเพื่อไทยให้โอกาส
ก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจ และจะขอลาออกจากราชการตำรวจหลังจากที่มีประกาศ
กกต.กำหนดวันเลือกตั้งแล้ว
เพราะตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจทุกคนได้มีโอกาสลาไปสมัครในการดำเนินการทางการเมือง
“นายกฯก็ให้กำลังใจ
และอยากที่จะให้นำนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อไปบอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนชาว
กทม.ว่า ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร เพื่อดูแลแก้ไขปัญหา
ทั้งปัญหาพื้นฐาน การพัฒนา หรือการขับเคลื่อน
กทม.ให้เป็นศูนย์กลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ซึ่งนายกฯก็บอกว่ายินดีและเต็มใจให้การสนับสนุนทุกอย่างในการทำงานเพื่อดูแลทุกข์สุขให้กับชาวกทม. สำหรับผมเองก็ไม่มีนโยบายอะไรมาก
เพราะเคยเข้าถึงทุกพื้นที่มานาน รู้ทุกปัญหา ผมยืนยันว่ามีความตั้งใจจริง ๆ
ที่อยากจะคืนความสุข และสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาว กทม.ทุกคน” พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าว
และว่าหัวใจของการหาเสียงครั้งนี้คือนำยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกับรัฐบาลแบบไร้รอยต่อมาเป็นนโยบายหลัก
โดยจะชี้ให้เห็นถึงผลดีและประโยชน์ที่จะตกกับคนกทม.ซึ่งในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็บอกว่าจะหาเวลาลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้มากที่สุดด้วย
เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ให้กับคน กทม.
เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะชนะการเลือกตั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า
เป็นเพียงการเสนอตัวรับใช้ชาว กทม.เช่นเดียวกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร และผู้สมัครคนอื่น
ๆ ว่าเราจะทำอะไรให้คน กทม.
ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยก็ถือเป็นสิทธิและดุลยพินิจของประชาชนที่จะเลือกผู้สมัครคนใด
ทั้งนี้แนวทางการหาเสียงของตนจะคิดบวกทำบวก ไม่ว่าร้ายใคร
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เมื่อถามว่ากังวลว่าจะถูกนำเรื่องส่วนตัวในอดีตมาโจมตีหรือไม่
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ตนรับได้ อะไรที่อธิบายได้ตนก็จะทำ
ตนพร้อมที่จะตอบทุกคำถาม ไม่มีความลับอะไร ตรงไปตรงมาชัดเจน
ส่วนการเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯกทม.นั้น ตนจะหาเสียงในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯคนเดียวก่อน
จากนั้นทางพรรคก็คงจะมาพิจารณาตัวทีมรองผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง
และก็จะทำเวิร์คช้อปกับ ส.ส.กทม. รวมทั้ง ส.ก. และส.ข.ด้วย สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยที่จะเข้ามาช่วยเรื่องนโยบายด้วยนั้น
ถือว่าเป็นประโยชน์ เพราะมีประสบการณ์ทางการเมืองในกทม. และตนก็พร้อมที่จะนำไปปฏิบัติ
ต่อข้อถามที่ว่า ดูจากคู่แข่งแล้วมีความหวั่นเกรงอะไรหรือไม่
โดยเฉพาะอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีก 1 คนที่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าวว่า ตนขอหยิบยกคำพูดของ
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ดีกว่าว่าเราคงไม่ได้แข่งขันกันระหว่างตัวบุคคล แต่เราแข่งขันในเชิงนโยบายและงานที่เรามุ่งมั่นทำให้ประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น