13 กุมภาพันธ์ 2556
Bangkok Election - นายประพันธ์ คูณมี หนึ่งในทีมงานของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
ได้เข้ามอบหลักฐานพร้อมกับให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกรณีที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็น
(โพลล์) ของสวนดุสิตโพลล์
ที่มีลักษณะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาต่อฝ่ายสืบสวนของกกต.กทม.ต่อฝ่ายสืบสวนสอบสวนของกกต.กทม.
โดยนายประพันธ์กล่าวภายหลังเข้าให้ข้อมูลนานกว่า
1 ชั่วโมงว่า
ได้นำใบรับมอบอำนาจจากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มามอบให้กกต.กทม.พร้อมเข้าให้ถ้อยคำและนำกับนำหลักฐานเอกสารมายื่นเพิ่มเติม
โดยเป็นผลโพลล์ของสวนดุสิตโพลระหว่างวันที่ 23-30 ม.ค. ที่ระบุถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกผู้สมัครฯผู้ว่ากทม.พรรคเพื่อไทยคือ
พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ เป็นผู้ว่าฯกทม.ไปแล้วร้อยละ 40
และเหลือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจอีกร้อยละ 9
ซึ่งหลังจากนั้นสวนดุสิตโพลล์ก็ได้เผยแพร่ผลโพลล์อีกครั้งระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.
ว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจเหลืออยู่ร้อยละ 30 โดยผลโพลล์ 2
ครั้งดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าข้อมูลมีความขัดแย้งกัน
รวมทั้งยังนำข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา
ที่ผอ.สวนดุสิตโพลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานสานเสวนา และการรับทำโพลล์ในโครงการต่างๆ
ของรัฐบาล และยังได้นำคลิปวีดีโอนายมานิจ สุขสมจิตร
อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
แถลงข่าวลาออกโดยให้เหตุผลว่ามาจากการทำโพลล์ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบัน
มามอบให้ แต่ทางฝ่ายสืบสวนของกกต.ขอให้นำกลับไปถอดเป็นถ้อยคำ
ก่อนให้นำมามอบให้ทั้งคลิปวีดีโอ และคำถอดเทป
รวมทั้งยรายละเอียดผลสำรวจของสวนดุสิต ภายในวันที่ 15 ก.พ.นี้
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่นำยื่น ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เชื่อได้ว่าผอ.สวนดุสิตโพลล์
มีพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์กับบุคคลในรัฐบาล พรรคเพื่อไทย
และผู้สมัครเบอร์ 9
"ฝ่ายสืบสวนของกกต.กทม.สอบถามว่าต้องการจะร้องใคร
ก็ได้ยืนยันเลยว่าต้องการร้องเรียนผอ.สำนักสวนดิสตโพล และผู้สมัครเบอร์ 9
เนื่องจากตามหลักฐานที่ได้ยื่นนั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างสำนักโพล
รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย โดยผมก็ได้ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของสวนดุสิตโพลกับโพลที่ทำโดยสำนักอื่นว่า
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันการสำรวจความเห็นประชาชนไม่มีสำนักโพลไหนที่สำรวจออกมาแล้วได้ผลออกมาว่าประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครรายใดเป็นผู้ว่ากทม.แล้วร้อยละ
90 ตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้น
แต่พอทำสำรวจครั้งต่อมาของสวนดุสิตโพลกลับอ้างว่ายังมีประชาชนร้อยละ 30
ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือก ซึ่งข้อมูลทั้ง 2 ครั้งขัดแย้งกันเอง
ขณะที่สำนักโพลอื่นผลสำรวจออกมามีคะแนนคึวามนิยมสูสีกัน
และมีตัวเลขผู้ที่ไม่ตัดสินใจอยู่ร้อยละ 30 ทั้งที่สวนดุสิตโพลเหลือแค่ร้อยละ 10
จะเห็นว่าการทำโพลของสวนดุสิตโพลเข้าข่ายผิดมาตรา 57(5) ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น
เป็นจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร"นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ ยังกล่าวด้วยว่า
จากเหตุดังกล่าวจึงอยากให้กกต.กทม.ใช้อำนาจเรียกเอกสารและเชิญผู้ทำโพลล์ของสวนดุสิตโพลมาชี้แจง
เพราะข้อมูลต่างๆ ตนเองไม่สามารถนำมาได้เพราะอยู่ในความครอบครองของสวนดุสิต
ซึ่งการยื่นร้องของตนไม่ได้ขอร้องให้กกต.สั่งยุติการทำโพล
แต่เป็นการขอให้ตรวจสอบเพื่อให้การทำโพลอยู่บนพื้นฐานหลักวิชาการ
ทั้งนี้นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า
ขณะนี้ทางทีมกฎหมายของ.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์
กำลังพิจารณาว่าจะมีการร้องต่อกกต.กทม.ขอให้ตรวจสอบกรณีนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีไปช่วยพล.ต.อ.พงศ์พัศ ปราศรัยหาเสียง
ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัครหรือไม่
เพราะการไปช่วยหาเสียงแต่ละครั้งทั้งนายกฯและรัฐมนตรี ก็มักจะพูดว่า หากเลือกเบอร์
9 ก็จะได้รถไฟฟ้า ซึ่งรถไฟฟ้าไม่ได้ถือเป็นอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาของผู้ว่าฯกทม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น