8 กุมภาพันธ์ 2556
Bangkok Election - ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัคร ผู้ว่า
กทม. หมายเลข 4 เปิดเผยว่า ปัจจุบันอาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครสูง 37 ชั้นที่ดูภายนอกเหมือนสร้างเสร็จแล้ว แต่ความจริงยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ล่าสุดแก้แบบมาตั้งแต่สมัยยุคนายอภิรักษ์
โกษะโยธิน จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่แล้วเสร็จ กรณีนี้ หากอาคารหลังนี้มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท
โดยประมาณว่ามีมูลค่า 100,000 บาทต่อหนึ่งตารางเมตรของพื้นที่ใช้สอยได้
ก็นับเป็นความสูญเสียมหาศาล เพราะปีหนึ่งหากได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 8%
ตามที่กำหนด ก็จะเป็นเงินถึง 320 ล้านบาท
การไม่ได้ประโยชน์มาเป็นเวลาถึง 5 ปี ก็ย่อมเป็นเงินมากกว่า 1,500
ล้านบาทนับถึงวันนี้
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีผู้ว่าฯ
กทม.ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ การบริหารทรัพย์สิน
และการประเมินค่าทรัพย์สิน
เพื่อกำหนดนโยบายการบริหารทรัพย์สินของกทม.ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างรายได้ให้กับกทม.
เพื่อนำเงินมาพัฒนากทม.ได้อีกต่อหนึ่ง
อันที่จริงในพื้นที่ศาลาว่าการกทม.
2 นี้มีขนาดรวมกันถึง
80 ไร่ ซึ่งนับเป็นทำเลทอง พื้นที่ขนาด 80 ไร่นี้คิดเป็น 128,000 ตารางเมตร หากก่อสร้างได้ 10
เท่าของที่ดินก็จะสามารถก่อสร้างได้ 1,280,000 ตารางเมตร หาก 50% ของพื้นที่ก่อสร้างสามารถนำมาใช้ประโยชน์
(ที่เหลือเป็นพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกและอื่น ๆ) ก็จะมีขนาด 640,000 ตารางเมตร หากมูลค่าต่อตารางเมตรเป็นเงิน
100,000 บาท
พื้นที่นี้ก็จะสามารถพัฒนาได้เป็นเงินรวมกันถึง 64,000 ล้านบาท
กทม.ก็จะมีพื้นที่เหลือเฟือเพื่อการปฏิบัติงาน
และยังมีพื้นที่เหลือเพื่อให้เช่าหารายได้มาพัฒนากทม.เพิ่มเติม
ในการดำเนินการนี้
กทม.อาจไม่สามารถลงทุนแต่เพียงผู้เดียว
อาจร่วมมือกับรัฐบาลและภาคเอกชนทำการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ
เพื่อให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์ราชการและธุรกิจของกรุงเทพมหานคร
โดยในรายละเอียดอาจจัดสรรที่ดินเป็นแปลงย่อยให้มีการพัฒนาเป็นส่วน ๆ
เช่นส่วนหอประชุม ส่วนโรงแรม ส่วนสำนักงานให้เช่า และส่วนศูนย์การค้า เป็นต้น โดยกทม.จะต้องจัดทำสัญญาให้รัดกุม
เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยปัญหาเช่นกรณี “ค่าโง่ทางด่วน”
การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่นี้
กทม.พึงสร้างระบบขนส่งคมนาคมที่ดีโดยเฉพาะรถไฟฟ้ามวลเบาหรือโมโนเรล
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาติดต่อในศาลาว่าการ กทม.2 นี้ในอนาคต
โดยทั้งนี้ควรสร้างเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้า BTS ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิกับศาลาว่าการ
กทม.2 และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ซึ่งหากดำเนินการก่อสร้างตามนี้ก็จะยิ่งทำให้ระบบขนส่งมวลชนทั้ง
2 ระบบ (BTS และ MRT) สามารถใช้สอยได้เป็นประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่
และเป็นการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ กทม.2 ด้วย
นอกจากนี้ยังควรสร้างทางเชื่อมกับถนนวิภาวดี
ซึ่งมีอยู่ในแผนการพัฒนาของกทม.อยู่แล้ว
รวมทั้งพิจารณาการก่อสร้างทางยกระดับเชื่อมกับดอนเมืองโทลย์เวย์อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า
กทม.มีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครอีกมหาศาล
ซึ่งสามารถนำมาสร้างรายได้เพิ่มเติม
หากเข้าใจถึงหลักการวางแผนบริหารและจัดการทรัพย์สินที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น