BangkokElection2013 (วันที่ 10 ตุลาคม 2555) - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย
เดินทางมายืนเอกสารเพิ่มเติมต่อ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการกรรมการ
ปปช. โดยเปิดเผยว่า ตนได้พบข้อมูลใหม่ในการต่อสัญญาไปอีก 13
ปีในวงเงิน 190,000
ล้านบาทให้กับบริษัทเอกชนในกรณีที่ส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
ไปจ้างบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร
ให้ไปจ้างต่ออีกทอดในการต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้ากับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ
จำกัด หรือ BTSC ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วยพระราชบัญญัติการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ
พ.ศ. 2535
และเป็นการหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. 2542 อันมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ
และหรือพนักงานของรัฐ อาจมีส่วนรู้เห็น อาทิ เช่น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
ผู้ว่าฯ
กทม.กับพวกในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
และนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท BTSC นายอมร กิจเชวงกุล
กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.
ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50
ในฐานะเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
กรณีอาจรู้เห็นเป็นใจ ในการเซ็นสัญญาว่าจ้างเอกชนล่วงหน้า 13
ปีก่อนการสิ้นสุดสัญญาอันเป็นการเอื้อประโยชน์กับเอกชนดังกล่าว
ซึ่งขณะนี้ได้พบข้อมูลใหม่ ในกรณีที่ กทม. และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT)
ไปอ้างคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการดำเนินการของ กทม.
ไม่ต้องเปิดประมูลตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน
นายจิรายุ กล่าวว่า การที่มาร้องเพิ่มเติมต่อ ปปช. ในครั้งนี้
เพื่อชี้ให้เห็นว่า ผู้บริหาร กทม. และกรุงเทพธนาคม
ได้ชี้แจงผ่านสมุดปกข่าวต่อสาธารณะชนนั้น
เป็นเจตนาปกปิดโดยไม่นำความจริงมาแสดงทั้งหมด โดยกล่าวอ้างเอาเองว่าการจ้าง
BTS มูลค่ากว่า 1.9 แสนล้านบาทนั้นไม่ขัด พ.ร.บ. ร่วมงานของรัฐฯ ซึ่งความจริงตามที่ กทม.
ได้สอบถามกฤษฎีกานั้น กฤษฎีกาได้วินิจฉัยแนวทางไว้ 3
แนวทางที่ไม่ตรงกับการกระทำของผู้บริหาร กทม. แต่อย่างใด เมื่อวานนี้(10ต.ค. 55) กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI) รับเป็นคดีพิเศษเป็นเรื่องของ
DSI ไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น