Bangkok
Election 2012 (5 ตุลาคม 2555) กรุงเทพมหานคร ดูท่าจะเริ่มเดือดร้อนกับการช่วงชิงรับหน้าเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
"ฟุตซอลโลก2012" ของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายนนี้ จะเกิดปัญหา
เมื่อความคืบหน้าล่าสุดในการสร้างสนาม "บางกอก ฟุตซอล
อารีน่า"สังเวียนหลักในการฟาดแข้งบอลโต๊ะเล็กโลก ที่มี
"กรุงเทพมหานคร"
นั่งแท่นเป็นผู้ควบคุมการผลิตเพิ่งจะดำเนินการก่อสร้างไปได้เพียงแค่ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้มีแนวโน้มว่า "สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
(ฟีฟ่า)"ที่กำลังจะเดินทางมาตรวจสอบสนามในวันที่ 1-5
ตุลาคมนี้ อาจไม่เห็นชอบให้ใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า
ในการแข่งขันฟุตซอลโลกก็เป็นได้
"ศุภชัย ตันติคมน์" ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
และผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องสนามการแข่งขันฟุตซอลแห่งนี้ ยอมรับว่า
การสร้างสนามฟุตซอลโลกที่ กทม.ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จ 100
เปอร์เซ็นต์ ทันการส่งมอบกับทางฟีฟ่าในวันที่ 20 ตุลาคมนั้น
ไม่ได้หมายความว่าจะเสร็จสมบูรณ์สวยงามตามโมเดลหรือภาพที่แสดงเอาไว้ก่อนหน้านี้
แต่หมายถึงเสร็จสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเท่านั้น
ส่วนเรื่องการตกแต่งคงต้องรอทำเพิ่มเติมในภายหลัง
"ตอนนี้เรากำลังเร่งปูหลังคา, สร้างอัฒจันทร์
และเทพื้นคอนกรีต ให้คืบหน้าได้สัก 90
เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย เพราะทั้ง 3
ส่วนนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแทนของทางฟีฟ่าที่จะเดินทางมาตรวจความพร้อมและตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะยอมให้ใช้สนามแห่งนี้ในการแข่งขันฟุตซอลโลกหรือไม่
และเพื่อความแน่นอนเราได้เตรียมการล็อบบี้ฟีฟ่าให้ยอมรับสนามแห่งนี้เอาไว้เป็นการเรียบร้อยแล้ว"
แน่นอนว่า ถ้าทางฟีฟ่า "โอเค" กับความพัฒนาการของสนามบางกอก
ฟุตซอล อารีน่า เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งกันทุกฝ่าย
แต่ถ้าฟีฟ่ายืนกรานว่า "ไม่"
สนามฟุตซอลแห่งนี้จะกลายเป็นการลงทุนสร้างกว่า 1,200
ล้านบาทของประเทศไทยที่น่าผิดหวังและน่าอับอายที่สุดในระดับนานาชาติ
สำหรับในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ทาง "สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ"
ได้เตรียมเสนอ "สนามอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก" และ "สนามนิมิบุตร
อินดอร์ สเตเดี้ยม"
ไว้ให้ทางฟีฟ่าได้พิจารณาสำหรับพิธีเปิดการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 อย่างเป็นทางการ
แม้ว่าจำนวนความจุผู้ชมบนอัฒจันทร์ของทั้ง 2
สนามจะน้อยกว่าสนามใหม่ที่หนองจอกถึง 2 เท่าตัว แต่
"บิ๊กเปี๊ยก-องอาจ ก่อสินค้า"เลขาธิการสมาคมลูกหนังไทยแสดงความมั่นใจว่า
"พร้อมสำหรับจัดพิธีเปิดในกรณีฉุกเฉินอย่างแน่นอน"
ได้ยินเลขาธิการลูกหนังไทยยืนยันความพร้อมแบบนี้
เราลองมาดูกันสักเล็กน้อยว่าทั้ง 2
สนามมีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการแข่งขันระดับโลกได้จริงหรือไม่
เริ่มจากสนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก
ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 6 ในส่วนของกีฬาในร่ม
สามารถรับผู้ชมภายในอาคารได้มากถึง 10,000-15,000 คน
ส่วนด้านบนอัฒจันทร์จุได้ 6,000 คน สนามแห่งนี้เคยใช้จัดการแข่งขันระดับชาติอย่างเอเชี่ยนเกมส์,
อาเซ็มยูทเกมส์, เอเชี่ยนอินดอร์เกมส์,
เอเชี่ยนมาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ และกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน
ขณะที่สนามนิมิบุตร อินดอร์ สเตเดี้ยมนั้น สามารถรองรับผู้ชมได้มากถึง 5,000 คน ดังนั้นในเรื่องความพร้อมน่าจะไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา
อีกหนึ่งสนามที่ใช้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ที่มีความจุบนอัฒจันทร์ 5,000 ที่นั่ง โดย "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ"
อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานฝ่ายจัดฟุตซอลชิงแชมป์โลก
ได้ออกมายืนยันความพร้อมของสนามเมืองโคราชว่า
"ส่วนสนามที่จังหวัดนครราชสีมาที่จะใช้แข่งขันก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ได้ทดสอบทุกอย่างแล้ว และฟีฟ่าพอใจมาก
เพราะเขาได้เห็นการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการเป็นเจ้าภาพ
โดยภาพรวมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศมากทีเดียว"
อย่างไรก็ตาม ทางกรุงเทพฯและสมาคมฟุตบอลฯยังแสดงความมั่นใจว่า
สร้างเสร็จ 100
เปอร์เซ็นต์ทันการแข่งขัน
และสามารถโน้มน้าวใจให้ฟีฟ่าตอบโอเคได้อย่างแน่นอน
การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกดังกล่าว เริ่มต้นเมื่อปี 2552 ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะเป็นายกรัฐมนตรี ได้ดึงโครงการดังกล่าวมาจากกระทรวงกีฬาฯ มาให้ “กรุงเทพมหานคร”
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ว่าฯ กทม.ทำเมื่อปี 2553 แต่กรุงเทพมหานครเพิ่งมาลงเสาเข็มก่อสร้างสนามเมื่อมีนาคม
2555 ที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น