วาระของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะสิ้นสุดในต้นปี 2556
หมายถึงการสิ้นวาระของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ขณะที่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าจะส่ง นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค กทม. ลงแข่งขัน
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เอง ย้ำความตั้งใจจะลงป้องกันแชมป์กลายเป็นสภาพที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ของพรรคประชาธิปัตย์
เหตุที่บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนนายกรณ์ เป็นเรื่องพอจะมองเห็นที่มาที่ไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม.ในปี 2554
รวมถึงการเตรียมการสำหรับปี 2555 ด้วย
หลังจากรัฐบาลประกาศจะซ้อมใหญ่ การระบายน้ำใน กทม.ในต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
พรรคประชาธิปัตย์ออกมาคัดค้านเต็มที่
สุดท้ายการทดสอบเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. แต่ยังไม่ครบถ้วน
ตามกำหนด รัฐบาลจะทดสอบอีกในวันที่ 7 ก.ย.
แต่ต้องสั่งยกเลิกกะทันหันในคืนวันที่ 6 ก.ย. หลังจากฝนถล่มกรุงเทพฯ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แถลงว่ารวมแล้วใน กทม.มีปริมาณฝน 60 ล้าน ลบ.เมตร มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่
เป็นสภาพที่น่าหนักใจสำหรับคนกรุงเทพฯ
นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเสนอแนะว่า
อยากให้รัฐบาลและ กทม.ประชุมร่วมกัน
เพื่อวิเคราะห์ว่าจากจุดปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ไขอย่างไร
"ไม่ควรนำเรื่องน้ำมาเป็นประเด็นการเมือง"
และ
"ควรจะเป็นความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา พูดถึงแต่ตัวเนื้องาน
อย่าโทษกันไปมา
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คิดเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สภาพของกรุงเทพฯหลังฝนตกใหญ่เมื่อวันที่ 6 ก.ย. สะท้อนการทำงานของผู้ว่าฯกทม.และ กทม.
ทำให้เกิดข้อสงสัยในการขุดลอกคูคลอง ในการทำความสะอาดท่อระบายน้ำ
ขณะที่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำของ กบอ. ระบุว่า
กทม.มีพื้นที่ในการระบายน้ำที่แคบ ในการระบายน้ำออกทะเล
ในวันที่ฝนตกหนักในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาถึง 4 วัน ในการระบายน้ำให้สถานการณ์คลี่คลายลง
ขณะที่ยังมีน้ำที่อยู่บนทุ่งเจ้าพระยายังมีน้ำที่รอปล่อยผ่าน กทม. เพื่อระบายลงสู่ทะเลอีกจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า ต้องหาวันเวลาที่เหมาะสมในการระบายน้ำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพคูคลองให้ได้
เพื่อทดสอบการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โดยให้รอหลังจากที่สถานการณ์น้ำฝนและน้ำป่าในภาคเหนือเริ่มคลี่คลายลง
อย่าเอาน้ำมาเป็นประเด็นการเมือง ก็คือ อย่าเอาน้ำมาเล่นการเมือง
โดยความหมาย คือ อย่าเอาเรื่องของ "น้ำ" มาหาคะแนนเสียง สร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้ตนเอง หรือทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง
เพราะเรื่องของน้ำคือ ปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชน การนำเอาปัญหาน้ำมาเล่นการเมือง เท่ากับซ้ำเติมทุกข์ร้อนของประชาชน
เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เป็นการแสวงหาคะแนนนิยมแบบ "สามานย์"
เพราะ
ไม่ต้องเอาน้ำมาเล่นการเมือง ก็สามารถส่งผลกระทบทางการเมืองได้อยู่แล้ว
หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่เอาใจใส่ในมาตรการป้องกันหรือแก้ไข
ข้อเสนอไม่เอาน้ำมาเล่นการเมือง เป็นสัญญาณเตือนว่า เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ มีความดุเดือดซับซ้อน รออยู่
ที่มา : http://www.matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น